ซัมซุงได้เปิดตัว ECO System ในช่วงเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้แก่ Samsung Galaxy Tab S7 Series, Galaxy Watch 3 และ Galaxy Buds Live
ซึ่ง Galaxy Tab S7 Series ที่มีขายในประเทศไทย จะมีรุ่น Tab S7 Wifi , LTE และ Tab S7+ LTE , 5G แต่รุ่นที่จะมารีวิววันนี้จะเป็น Galaxy Tab S7 Wifi ตัวเริ่มต้น ที่เป็นรุ่นแรม 6GB ความจุ 128GB ที่มีขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว แต่เครื่องที่ผมได้มาจะมีแต่เครื่อง ไม่มีอุปกรณ์เสริมใดๆ แต่ก็จะมีรายละเอียดให้ว่าถ้าคุณจะซื้อ คุณจะได้อะไรในกล่องบ้าง
สเปก Galaxy Tab S7 Wifi
- ขนาดตัวเครื่อง 3 x 253.8 x 6.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 498 กรัม
- หน้าจอ LTPS แสดงผลขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQXGA 2560 x 1600
- รองรับ ปากกา S-Pen
- ระบบปฏิบัติการ OneUI 2.5 บน Android 10
- CPU: Snapdragon 865+
- GPU: Adreno 650
- RAM : 6GB LPDDR4X
- ความจุตัวเครื่อง 128GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS
- กล้องหลัง 2 ตัว 13 + 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล f/2.0
- กล้อง Ultra Wide 5 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi 6
- ลำโพง 4 ตัว กำลังขับ 1.6 วัตต์
- แบตเตอรี่ 8000mAh
- รองรับการชาร์จสูดสุด 45W
- สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง
- มีสีให้เลือก 2 สี สีดำ สีบรอนซ์
- ราคา Tab S7 Wifi 6/128GB 22,900 บาท และ Tab S7 LTE 6/128GB 26,900 บาท
ในกล่อง
สิ่งที่จะมีมาให้ในกล่องจะมีตัวเครื่อง ปากกา คู่มือ ที่จิ้มถาดซิม หัวชาร์จ และสายชาร์จ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ตัวเครื่องรองรับการชาร์จได้สูงสุด 45 วัตต์ แต่แถมที่ชาร์จมาให้แค่ 15 วัตต์ เท่านั้น จริงๆน่าจะแถมหัวชาร์จ 25 วัตต์ มาให้ก็ยังดี และครั้งนี้ไม่มีหูฟังมาให้ แต่สิ่งที่คิดว่าไม่ควรตัดออกคือ หัวปากสำรอง ที่รอบนี้ Galaxy Tab S7 Series ไม่มีชุดหัวปากกาสำรองมาให้ ต้องซื้อแยกต่างหาก ใช้ของ Galaxy Tab S6 ก็ได้ สามารถซื้อได้ที่ศูนย์บริการซัมซุง ราคาชุดละประมาณ ไม่เกิน 120 บาท
ภายนอก
ดีไซน์ตัวเครื่องภายนอกจะเป็นโลหะทั้งหมด โดยที่ด้านหลังจะเป็นผิวสัมผัสแบบด้าน และดีไซน์ต่างจาก Galaxy Tab S6 ค่อนข้างชัดเจน เพราะรอบนี้ตัวเครื่องจะมีเหลี่ยมสันค่อนข้างชัดเจน
และบอดี้ด้านข้างจะเป็นแบบกึ่งเงา ซึ่งสวยไปอีกแบบ
และที่เก็บปากการอบนี้ก็จะมีพลาสติกรองอยู่ด้านล่าง และมีแม่เหล็กดูดตัวปากกาให้อยู่กับที่ ซึ่งการเก็บปากกาจะต้องเก็บโดยหันปลายปากกาขึ้นด้านบนเท่านั้น
ด้านหลังมีกล้องทั้งหมดสองตัว พร้อมแฟลช LED
ผมขอวางตัวเครื่องเป็นแนวนอนนะครับ…ตัวเครื่องด้านบนจะมีปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่องที่เป็นที่สแกนลายนิ้วมือในตัว
ถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นช่องถาดใส่ซิมโมรี่การ์ด
และซิมการ์ด ต่อให้เป็นรุ่น Wi-Fi ก็จะมีลักษณะเหมือนกับรุ่น LTE คือด้านนึงจะใส่ซิมการ์ด และอีกด้านจะใส่เมโมรี่การ์ด ถึงตัว Wi-Fi จะใส่ซิมการ์ดเข้าไปได้ แต่ตัวเครื่องก็ไม่ขึ้นนะครับ
เรายังอยู่กันที่ด้านบนของตัวเครื่องอยู่ ตรงกลางก็จะเป็นรูไมโครโฟน
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ก็จะเป็นที่อยู่ของลำโพง 2 ตัว และไมโครโฟนตัวที่ 2
ด้านขวาของตัวเครื่อง ก็จะเป็นที่อยู่ของลำโพงอีก 2 ตัว เช่นกัน และมีช่อง Type-C 3.2 Gen 1 และ Galaxy Tab S7 Series ไม่มีช่องหูฟัง 3.5
ด้านล่างตัวเครื่องก็จะเจอกับ POGO Pin ที่ไว้สำหรับเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด
ความหนาของตัวเครื่อง เมื่อเทียบกับขนาดของดินสอ ก็จะมีขนาดแทบจะเท่ากันเลย ถือว่าบางมาก
ด้านหน้าตัวเครื่องด้านบนก็จะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้าและเซ็นเซอร์วัดแสง
ด้านหน้าด้านซ้ายของตัวก็จะเป็นเซ็นเซอร์วัดแสงตัวที่ 2
หน้าจอ
หน้าจอของ Galaxy Tab S7 จะต่างจาก Galaxy Tab S7+ ตรงที่ Galaxy Tab S7 จะเป็นหน้าจอ LTPS ความละเอียด WQXGA 2560 x 1600 ที่มีขนาด 11 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า Galaxy Tab S6 ขึ้นมาหน่อย และเป็น Galaxy Tab ตัวแรกของซัมซุงที่เลือกใช้หน้าจอรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz เลยทีเดียว ซึ่งการใช้งานถือว่าลื่นไหลมาก และสีสันก็ทำได้ดีมากๆ
สำหรับการดู YouTube ก็จะรองรับการดูแบบ HDR ด้วย และความละเอียดสูงสุดจะอยู่ที่ 1440p
ในส่วนของ Netflix จะดูได้แค่ HD เท่านั้น แต่สำหรับ Galaxy Tab S7+ จะสามารถดู Netflix แบบ HDR ได้
คะแนน Geekbench 5
คะแนน Antutu
Androbench
เกมส์
การเล่นเกมส์ สำหรับ Galaxy Tab S7 สามารถเล่นได้ทุกเกมส์ได้แบบลื่นๆ หายห่วง ไม่ว่าจะเป็น Pubg Mobile , ROV , Call Of Duty Mobile หรือ เกมส์ที่ขึ้นชื่อว่ากินสเปกเยอะ อย่าง Genshin Impact ก็สามารถเล่นได้อย่างสบาย และแต่ละเกมส์ก็สามารถปรับกราฟฟิกได้สูงสุดทุกเกมส์
ลำโพง
Galaxy Tab S7 มีลำโพงทั้งหมด 4 ตัว ที่ปรับแต่งเสียงโดย AKG และสามารถเปิด Dolby Atmos เพื่อเพิ่มมิติเสียงเข้าไปอีก ส่วนเสียงที่ได้จาก Galaxy Tab S7 ให้เสียงที่ค่อนข้างดี เสียงใส เสียงกลางออกครบ เสียงเบสก็ออกมาเป็นลูกๆ แต่ก็ไม่เท่ากับ iPad Pro แต่ความดังนี่ดังกว่าค่อนข้างชัดเจน เพราะฉะนั้น ไปเที่ยวที่ไหน ไม่ต้องพกลำโพงตัวเล็กๆไปเลย แค่เสียงจาก Galaxy Tab S7 ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว
แต่เมื่อเทียบเสียงกับ Galaxy Tab S6 แล้ว ก็จะรู้สึกได้ว่า เมื่อ Galaxy Tab S7 เปิดเสียงดังจนสุด ให้เสียงที่ดังกว่านิดหน่อย และเมื่อเปิดเสียงดังสุดจะไม่รู้สึกว่าปลายเสียงแตก ถึงจำนวนรูของลำโพง Galaxy Tab S7 จะน้อยกว่าแค่รูเดียวก็ตาม (Tab S6 มี 9 รู)(Tab S7 มี 8 รู)(Tab S7+ มี 9 รู)
Samsung DeX
จาก Galaxy Tab S4 จนมาถึง Galaxy Tab S7 ก็มีการพัฒนา Samsung DeX มาโดยตลอด ให้ใช้งานได้ใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์มากขึ้น และใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยสามารถแคสหน้าจอ Samsung DeX ไปยังสมาร์ททีวี หรืออุปกรณ์ที่รองรับการแคสภาพไร้สายอีกด้วย แต่สำหรับ Galaxy Tab S7 ก็ยังรองรับอุปกรณ์ต่อพ่วงเช่นสาย Type-C To HDMI ได้ เพราะตัวเครื่องเป็นช่อง USB Type-C 3.2
และใน OneUI 2.5 ได้มีการเพิ่มการใช้งานให้คล้ายคอมพิวเตอร์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการคลิกสองครั้งเพื่อเข้าแอพ จากเดิมกดครั้งเดียว มีการจัดระเบียบ Task Bar ด้านล่างให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น และรวมแอพที่เปิดใช้งานไว้ตรงกลาง รวมถึง ถ้าเราเปิดหน้าต่างแอพต่างๆไว้หลายแอพ เมื่อเราจับแอพลากชิดขอบจอด้านบน ก็จะเป็นการขยายแอพให้เต็มหน้าจอโดยอัตโนมัติ(สำหรับแอพที่รองรับเต็มจอเท่านั้น)
และมีการปรับปรุงการทำงานหลายแอพพร้อมกันให้ใช้งานได้พร้อมกันมากขึ้น จากเวอร์ชั่นก่อนหน้า เมื่อเราเปิดแอพหลายแอพบน DeX เมื่อเรากำลังใช้งานแอพใดแอพหนึ่ง อีกแอพก็จะมีการพักการทำงานบางแอพ แต่ในเวอร์ชั่นปัจจุบันสามารถทำงานพร้อมกันได้แล้ว
ปากกา S Pen
ในปีนี้ Galaxy Tab S7 ก็ได้พัฒนาไปอีกขึ้น โดยลดความหน่วงของปากกาให้น้อยลง ทำให้การเขียนมาความรู้สึกใกล้เคียงกับการเขียนบนกระดาษจริงๆมากขื้น และ Galaxy Tab S7 ได้เปลี่ยนรูปทรงปากกาให้มีความคล้ายกับปากกาจริงมากขึ้นโดยทำเป็นทรงกลม ที่จับถนัดมือมากขึ้น และยังมีน้ำหนักเบา แต่ยังมีด้านนึงเป็นด้านตัดเป็นเหลี่ยม เพื่อยังคงง่ายต่อการเก็บอยู่
และฟีเจอร์ Air Actions ก็ยกมาจาก Galaxy Note20 มาทั้งหมดเลย จากเดิมที่มีคำสั่งแค่ ตวัดปากกาขึ้น ลง ซ้าย ขวา หมุนทวนเข็ม ตามเข็มนาฬิกา ปีนี้ก็มีการเพิ่มท่าทางเข้าไปโดยการกดและวาดกลางอากาศเป็นรูปตัว V ทั้งขึ้น ลง ซ้าย ขวา และขีดซ้ายขวา 3 ครั้ง ก็จะสามารถกำหนดได้ว่าจะให้มันเป็นคำสั่งอะไรในแอพต่างๆ
กล้อง
การใช้งานกล้องใน Galaxy Tab S7 ฟีเจอร์หลายๆก็ยังมีให้ใกล้เคียงกับ Galaxy Note20 แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว กล้อง Galaxy Tab S7 มีกล้องหลัก ขนาด 13 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide ขนาด 5 ล้านพิกเซลก็และมีแฟลช LED มาให้
ซึ่งภาพที่ได้จาก Galaxy Tab S7 ก็จะประมาณนี้
ส่วนกล้องหน้าก็ทำได้ดีเช่นกัน ถึงจะย้ายมาอยู่ด้านข้างเครื่องก็ตาม ซึ่งผมมองว่ามันเป็นตำแหน่งที่ดี เมื่อต้องใช้งานในแนวนอน เพราะผมรู้สึกว่า Galaxy Tab S7 เหมาะกับการใช้งานในแนวนอนมากกว่า เพราะมีขนาดหน้าจอที่ค่อนข้างยาว
วีดีโอ สามารถถ่ายความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30FPS ส่วนกล้องหน้าสามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดที่ Full HD 30FPS เท่านั้น
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ Galaxy Tab S7 จะอยู่ที่ 8000 มิลลิแอมป์ จากการใช้งานของผม เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab S6 แล้วก็พบว่ามันกินแบตเตอรี่มากกว่า Galaxy Tab S6 นิดหน่อย แต่ไม่ต่างกันมาก ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะหน้าจอ 120Hz ด้วยส่วนนึง กับซีพียูที่ค่อนข้างแรงกว่า Galaxy Tab S6 แต่ถ้าแลกกับความลื่นไหลในการใช้งานมากกว่ากับการกินแบตเตอรี่ขนาดนี้ผมว่ามันก็โอเคเลยนะ
จากการใช้งานของผม สังเกตได้จากเวลาที่เปิดหน้าจอ ที่ค่อนข้างจะนานพอสมควร เพราะดู YouTube ค่อนข้างจะนาน และมีเล่น Facebook และฟังเพลงผ่าน Spotify บ้าง ก็สามารถใช้งานได้เช้าถึงเย็น และแบตเหลือให้ใช้งานได้อีก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่กลับจาก 0-100% โดยใช้ที่ชาร์จ 45 วัตต์ ของ Samsung ก็จะใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ถือว่าเร็วมากๆ กับขนาดแบตเตอรี่ขนาด 8000 มิลลิแอมป์แล้วใช้เวลาชาร์จประมาณนี้
Wi-Fi 6
สำหรับ Galaxy Tab S7 Series รองรับ มาตรฐาน Wi-Fi 6 ที่ถือว่าทำความเร็วได้ดีมากๆ
GPS
หลายคนอาจจะบอกว่า Galaxy Tab S7 Wi-Fi เป็นรุ่นที่ไม่มีซิม ก็จะเป็นการใช้ GPS ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น แต่จากที่ผมทดสอบมาแล้ว คือปิด Wi-Fi ตัวเครื่องก็ยังสามารถจับคลื่น GPS ได้ปกติ โดยที่ไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ต แต่การมีอินเตอร์เน็ตก็ทำให้การใช้งาน GPS แม่นยำมากขึ้น
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะซื้อแท็บเล็ตซักเครื่องที่ประสิทธิภาพค่อนข้างสูง Samsung Galaxy Tab S7 ก็เป็นตัวเลือกนึงที่ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างโอเค ปากกาก็มีแถมมาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ไม่ว่าจะซื้อมาใช้ทำงาน จดบันทึก หรือใช้งานความบันเทิง ก็ค่อนข้างจะจบ แต่ถ้าใครมีงบหน่อย และต้องการจอที่ใหญ่กว่า ก็สามารถขยับเป็น Galaxy Tab S7+ ที่ได้จอเป็น Super AMOLED
รุ่นและราคา
Galaxy Tab S7 Wi-Fi 6/128GB ราคา 22,900 บาท
Galaxy Tab S7 LTE 6/128GB ราคา 26,900 บาท
Galaxy Tab S7+ LTE 6/128GB ราคา 33,900 บาท
Galaxy Tab S7+ 5G 8/256GB ราคา 39,900 บาท
ทุกรุ่นมีวางจำหน่าย 2 สี ได้แก่ สีบรอนซ์ และสีดำ