หลังจากพรีวิวตัวเครื่องของ vivo T1 Series กันไปแล้ว คราวนี้มาชมรีวิวเต็มๆ ของทั้งสองรุ่นระหว่าง vivo T1x และ vivo T1 5G ทั้งสองรุ่นจะแตกต่างกันอย่างไร เรามาแกะกล่องรีวิวกันก่อนเลยครับ
แกะกล่องลองเล่น vivo T1x
มาเริ่มกันที่ vivo T1x น้องเล็กสุดของซีรี่ย์กันก่อนเลย กล่องของสมาร์ทโฟน vivo T1 Series รุ่นใหม่ที่ดูคล้ายกับกล่องของ Y Series ที่มาในรูปแบบสีขาวสะอาดตา ที่ด้านหลังกล่องมีบอกสเป็คและจุดเด่นของรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล Snapdragon 680, กล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล, จอแสดงผลความละเอียดระดับ 1080p และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 18 วัตต์ เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- สมาร์ทโฟน vivo T1x สี Space blue
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ 18 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสซิลิโคนแบบใส
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เอกสารใบรับประกัน, คู่มือการใช้งาน
จอแสดงผลของ T1x มีขนาดใหญ่ขนาด 6.58 นิ้ว มองเห็นได้เต็มตา ใช้จอภาพแบบ FHD+ Incell ที่ให้สีสันสวยงาม สดใส แสดงผลด้วยรีเฟรชเรท 90 Hz ทำให้การเลื่อนหน้าจอต่างๆ ทำได้อย่างลื่นไหล ที่ส่วนบนมีกล้องหน้าสำหรับ Selfie ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเป็นแบบหยดน้ำ ไม่บดบังสายตาขณะใช้งาน
ด้านหลังสี Space blue ถูกออกแบบมาโดยใช้โทนสีฟ้าดูสดใสสวยงาม เมื่อสะท้อนกับแสงก็จะมองเห็นเป็นสีฟ้าไล่ระดับดูสวยงามมาก และถึงแม้ว่าจะใส่เคสซิลิโคนใสที่มีมาให้ในกล่องก็ยังดูสวยงาม ไม่ถูกบดบังสีสันของตัวเครื่อง นอกจากนี้ด้านหลังนี้ถูกเคลือบแบบด้าน จึงไม่ติดลายนิ้วมือได้ง่ายๆ ไม่ต้องเช็ดทำความสะอาดบ่อยๆ สำหรับกล้องของรุ่นนี้มีมาให้ถึง 3 เลนส์ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, เลนส์ Bokeh และเลนส์ Macro
ตัวเครื่องมีความบางถึง 8 มม. ถือว่าค่อนข้างบางเมื่อเทียบกับขนาดแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างใหญ่ ที่ด้านข้างซ้ายถูกออกแบบมาอย่างเรียบๆ โดยปุ่มทั้งหมดถูกย้ายไปที่ด้านข้างขวา มีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปด้วยในตัว สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว
ที่ด้านบนของ vivo T1x ดีไซน์แบบโล่งๆ จะมีเพียงช่องใส่ถาดซิมการ์ดเท่านั้น ตัวถาดเป็นแบบ 3 ช่อง สามารถใส่ SIM1, SIM2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้พร้อมกัน 3 ช่อง ส่วนที่ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟนรับเสียง, ช่องเสียบสาย USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์
แกะกล่องลองเล่น vivo T1 5G
หากต้องการสัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ต้องอัพเกรดเป็นรุ่นนี้เลย vivo T1 5G เป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่รองรับเครือข่าย 5G ในราคาที่เหมาะสม กล่องของรุ่นนี้ก็เหมือนกับรุ่น T1x มีจุดเด่นต่างๆ บอกที่ด้านหลังกล่อง ไม่ว่าจะเป็น vivo Flashcharge 66 วัตต์, หน่วยประมวลผล Snapdragon 778 5G, หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว, และกล้อง 64 ล้านพิกเซล Triple AI Camera และเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- สมาร์ทโฟน vivo T1 5G สี Turbo Black
- อแดปเตอร์ Flashcharge 66 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสซิลิโคนแบบใส
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เอกสารใบรับประกัน, คู่มือการใช้งาน
จอแสดงผล Halo Fullview Display ของรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ 6.44 นิ้ว มีขนาดเล็กกว่า vivo T1x เล็กน้อย แต่รุ่นนี้เป็นจอภาพแบบ AMOLED ที่ให้สีสันสวยงามกว่า มีความละเอียดระดับ FHD+ แสดงผลได้ถึง 90 Hz เหนือจอแสดงผลมีกล้องหน้าแบบหยดน้ำ ไม่บดบังสายตาขณะใช้งาน และสิ่งที่ต่างจาก T1x คือรุ่นนี้มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอแสดงผลด้วย
เครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Turbo Black ด้านหลังดีไซน์แบบเรียบๆ พื้นผิวผลิตด้วยเทคโนโลยี AG ไม่ติดรอยนิ้วมือง่ายๆ ส่วนกล้องของรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นวงกลมขนาดใหญ่ 2 วงเปรียบเสมือนท่อเทอร์โบที่แสดงถึงความแรงของหน่วยประมวลผล ภายในวงกลมทั้ง 2 มีมาให้ 3 เลนส์ ประกอบไปด้วยเลนส์ Wide ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Bokeh
ด้านข้างซ้ายดีไซน์มาแบบเรียบๆ ไม่มีปุ่มกดใดๆ อยู่ฝั่งนี้ ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิดปิดเครื่อง
ที่ด้านบนดีไซน์แบบโล่งๆ จะมีเพียงช่องไมโครโฟนเล็กๆ สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา ส่วนที่ด้านล่างมีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ 2 ซิม ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมได้ ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟน, ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์
แรงไปอีกขั้นด้วยการเชื่อมต่อ 5G บน vivo T1 5G
vivo T1 Series มีมาให้เลือกพร้อมกัน 2 รุ่น นั่นก็คือรุ่น vivo T1x รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G และรุ่น vivo T1 5G รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G สามารถใส่ซิมการ์ดพร้อมใช้งานได้ทันทีที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ รองรับการใช้งาน 5G ทุกเครือข่ายในไทย รองรับ Dual mode ทั้งแบบ SA (Stand Alone) และ NSA (Non-Stand Alone) โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้จากเมนูการตั้งค่าเครือข่ายว่าจะใช้ 5G แบบไหน อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้งาน 5G บนเครือข่ายด้วย SIM1 หรือ SIM2 ได้โดยไม่ต้องถอดซิมการ์ดออกมาสลับตำแหน่ง
จากการทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อ 5G ด้วย T1 5G สามารถทำความเร็วได้ถึง 419 Mbps ค่าความหน่วง หรือค่า Ping เพียง 20 มิลลิวินาที (ตัวเลขน้อยยิ่งเร็ว) และสำหรับ T1x ที่เชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G ทำความเร็วได้ 48 Mbps ค่าความหน่วง 35 มิลลิวินาที จากการทดสอบจะเห็นว่าความเร็วของรุ่น 5G นั้นทำได้น่าประทับใจมากๆ ทั้งความเร็ว และค่าความหน่วงที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ได้เปรียบในเรื่องของการเล่นเกม ยิ่งค่าความหน่วงต่ำก็จะยิ่งมีโอกาสชนะมากยิ่งขึ้น กับราคาเพียงหมื่นนิดๆ ก็สัมผัสความแรงในระดับนี้ได้ อย่างไรก็ดี ความเร็วก็ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง รวมไปถึงจำนวนผู้ใช้งานในพื้นที่นั้นๆ ด้วย
แรงด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 778G 5G และ Snapdragon 680
สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นใช้หน่วยประมวลผลจากค่ายเดียวกันนั่นก็คือชิพเซ็ตจาก Qualcomm แต่ใช้คนละรุ่น หากเป็น T1 5G ใช้ชิพเซ็ต Snapdragon 778G Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz สถาปัตยกรรมการผลิต 6 นาโนเมตร หน่วยความจำ RAM 8 GB สามารถขยายเพิ่มอัตโนมัติได้อีก 4 GB รวมเป็น 12 GB ได้ด้วยฟีเจอร์ Extended RAM ส่วน ROM มีมาให้ 128 GB ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android เวอร์ชั่น 12
จากการทดสอบประสิทธิภาพความแรงของ T1 5G ด้วยแอพฯ Antutu สามารถทำคะแนนได้ 546,197 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5 สามารถทำคะแนน Single core ได้ 789 คะแนน และ Multi core ได้ 2873 คะแนน
ผลการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5
ผลการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5
ส่วนรุ่น T1x ใช้ Snapdragon 680 Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz เช่นกัน มีหน่วยความจำ RAM มาให้ 4 GB และสามารถดึงหน่วยความจำเข้ามาเพิ่มได้อีก 1 GB รวมเป็น 5GB มีหน่วยความจำ ROM มาให้ 128 GB แต่สามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้อีก ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 บนพื้นฐาน Android เวอร์ชั่น 11 จากการทดสอบด้วยแอพฯ Antutu สามารถทำคะแนนได้ 253,614 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5 สามารถทำคะแนน Single core ได้ 390 คะแนน และ Multi core ได้ 1735 คะแนน
ผลการทดสอบด้วยแอพฯ Antutu Benchmark
ผลการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5
Get. Set. Turbo สมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ
จากการทดสอบความเร็วแรงของหน่วยประมวลผลจะเห็นว่าทั้งสองรุ่นทำคะแนนได้ต่างกันพอสมควร หากต้องการสมาร์ทโฟนเล่นเกมในงบราคาประหยัด vivo T1x ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากต้องการความแรงแบบจริงจัง เล่นเกมไม่สะดุดแนะนำ vivo T1 5G ไปเลย เพราะมีระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Cooling System ช่วยระบายความร้อนถึง 8 ชั้น ช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 12 องศา จึงทำให้การเล่นเกมไม่สะดุด เฟรมเรทไม่ตก แต่เดี๋ยวเรามาทดสอบการเล่นเกมของทั้งสองรุ่นกัน โดยเกมที่เราใช้ทดสอบเป็นประจำคือ PUBG Mobile ที่ใช้หน่วยประมวลผลภาพ 3D แบบเต็มกำลัง อีกทั้ง vivo ยังเป็นผู้สนับสนุนจัดการแข่งขันเกม vivo Turbo Cup Challenge PUBG Mobile อีกด้วย
ในการทดสอบเล่นเกม 3D อย่าง PUBG Mobile ซึ่งเป็นเกมที่ใช้หน่วยประมวลผลแบบหนักหน่วง ในรุ่น T1 5G สามารถปรับความละเอียดของภาพกราฟฟิคได้ถึงระดับ HDR HD และสามารถปรับเฟรมเรทได้สูงถึงระดับ Ultra เลยทีเดียว โดยหน้าจอของ vivo T1 5G สามารถแสดงผลได้ลื่นไหลด้วยอัตรา Refresh rate 90 Hz แสดงผลสีสันได้สวยงามกว่าด้วยจอภาพแบบ AMOLED อีกด้วย
ส่วน vivo T1x ก็สามารถเล่น PUBG Mobile ได้เช่นกัน แต่จะปรับความละเอียดของภาพกราฟฟิคได้ที่ระดับสมดุล และปรับเฟรมเรทได้ที่ระดับกลางเท่านั้น ซึ่งก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลที่ความละเอียดระดับนี้เช่นกัน
ไม่เพียงความแรงของหน่วยประมวลผลที่เข้ามาช่วยในการเล่นเกมแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยในเรื่องของการเล่นเกม นั่นก็คือ Multi-Turbo 5.0 ที่ช่วยให้การเล่นเกมสนุกมากยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยจัดสรรทรัพยากรที่มีในเครื่องมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ และยังช่วยให้การแจ้งเตือน หรือโทรเข้าขัดจังหวะการเล่นเกมอีกด้วย มีระบบสั่น Linear Mobor 4D Vibration ที่จะทำให้การเล่นเกมสมจริงมากยิ่งขึ้น และสำหรับนักกีฬา Esports ก็ยังมี Esports mode ที่จะช่วยปิดกั้นการแจ้งเตือนทั้งหมด รวมไปถึงจัดการเฟรมเรทไม่ให้มีอาการสะดุด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เล่นมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเล่นเกมโดยไม่มีข้อความการแจ้งเตือน หรือสายเรียกเข้ามากวนใจด้วย
vivo T1 Series ถ่ายภาพได้ครบทุกระบะด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์
สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีกล้องมาให้เลือกใช้งานถึง 3 เลนส์ด้วยกัน ถ้าเน้นการถ่ายภาพ vivo T1 5G จะมีกล้องถ่ายภาพความละเอียดมากกว่าที่ 64 ล้านพิกเซล และมีเลนส์ Ultra wide เพิ่มเข้ามา ต่างจาก vivo T1x ที่ไม่มีกล้อง Ultra wide มาให้ จะมีเพียงเลนส์ Wide มาให้ที่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ทำให้ T1 5G เก็บภาพมุมกว้างได้มากกว่า ถ่ายภาพได้ทุกระยะมากกว่า มาดูกันว่าสเป็คกล้องของแต่ละรุ่นเป็นอย่างไร
vivo T1 5G
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
- กล้องเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 119 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.25
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
vivo T1x
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8
- กล้องเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8
ฟังก์ชั่นการถ่ายภาพของ vivo T1x จะมีลูกเล่นการถ่ายภาพมาให้แบบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพกลางคืน, การถ่ายภาพบุคคล, ถ่ายพาโนรามา, ไลฟ์โฟโต้, สโลโม, ไทม์แลปส์, เอกสาร และแบบโปร ส่วน T1 5G มีลูกเล่นในการถ่ายภาพมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Ultra wide ที่เก็บภาพมุมกว้างได้มากกว่า การถ่ายสติ๊กเกอร์ AR และการถ่ายวิดีโอแบบ Dual view เป็นการถ่ายวิดีโอกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน ซึ่งจำให้เห็นใบหน้า และ Reaction ของผู้ถ่าย หรือผู้ถือกล้องด้วย เหมาะกับการรีวิวสินค้า หรือรีวิวสถานที่ที่เหล่าบล็อคเกอร์ หรือ YouTuber ชอบใช้ ไม่จำเป็นต้องตัดต่อซ้อนภาพให้วุ่นวาย ในการถ่ายวิดีโอ vivo T1 5G ก็สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงถึง 4K แต่ใน vivo T1x ถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p เท่านั้น นี่คือความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น
สะดวกรวดเร็วด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และใบหน้า
ระบบรักษาความปลอดภัยของทั้งสองรุ่นมีให้เลือกทั้งสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า แต่ในรุ่น T1x จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่อง และใน T1 5G จะสแกนลายนิ้วมือด้วยเซ็นเซอร์ที่ฝังลงบนหน้าจอ สามารถเก็บลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 นิ้ว สแกนปลดล็อคได้สะดวกและรวดเร็วมาก
ทั้งสองรุ่นยังมีระบบปลดล็อคด้วยระบบ Face Wake หรือปลดล็อคด้วยใบหน้า วิธีนี้สะดวกและรวดเร็วมากๆ เพียงแค่ตั้งค่าโดยอาศัยกล้องหน้าช่วยถ่ายภาพเพื่อจดจำใบหน้า จากนั้นเพียงแค่ยกมือถือขึ้นมาส่องหน้า ระบบก็จะปลดล็อคให้อย่างรวดเร็ว แต่วิธีนี้อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่เมื่ออยู่ทีที่มืด หรือแสงน้อย แต่ก็ยังปลดล็อคได้ด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ แนะนำให้ตั้งค่าปลดล็อคทั้งลายนิ้วมือ และปลดล็อคด้วยใบหน้าควบคู่กันเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน
ชาร์จเร็วทันใจด้วย vivo FlashCharge 66 วัตต์
ทั้งสองรุ่นมีแบตเตอรี่ที่ต่างกันเล็กน้อย โดย vivo T1x จะมีความจุมากกว่าที่ 5000 mAh ส่วนรุ่น T1 5G ที่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกย่าเล็กน้อย และมีความจุน้อยกว่าอยู่ที่ 4700 mAh แต่ในด้านการชาร์จเร็ว vivo T1 5G ชาร์จได้รวดเร็วกว่า ด้วยอแดปเตอร์ FlashCharge กำลังไฟถึง 66 วัตต์ จากการทดลองชาร์จจาก 1% ใช้เวลา 25 นาทีสามารถชาร์จได้ถึง 61% เลยทีเดียว ถือว่าเร็วมากๆ และชาร์จต่อเนื่องนาน 40 นาทีก็ได้แบตเตอรี่ถึง 92% และหากชาร์จจนเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าหากตื่นเช้ามาลืมชาร์จแบตก็เสียบชาร์จระหว่างเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแปรงฟันครู่เดียวแบตเตอรี่ก็เกือบเต็มแล้ว
ส่วน vivo T1x กับแบตเตอรี่ที่มีขนาด 5000 mAh แต่ใช้อแดปเตอร์ชาร์จไฟ 18 วัตต์ ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่สามารถใช้ยาวนานได้ประมาณ 2 วัน โดยการทดสอบชาร์จจาก 1% ไปจนถึง 33% ใช้เวลา 30 นาที ชาร์จต่อไปจนถึง 1 ชั่วโมงจะได้แบตเตอรี่ประมาณ 60% และหากชาร์จจนเต็มก็จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง อาจจะดูนานไปหน่อย แต่ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน แนะนำให้ชาร์จก่อนนอน ตื่นขึ้นมาแบตเตอรี่เต็มพร้อมใช้ทั้งวันอย่างแน่นอน
บทสรุป รีวิว vivo T1x และ T1 5G จากความเห็นของ What Phone
จะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดหลายจุด ซึ่งหากเป็นรุ่น T1x จะมีจุดเด่นตรงที่มีจอแสดงผลแบบ AMOLED ที่ให้สีสันสวยงาม คมชัด เชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G มีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ หน่วยประมวลผลมีประสิทธิภาพ และทำคะแนนได้ดีกว่า หน่วยความจำมากกว่า กล้องถ่ายภาพมีความละเอียดมากกว่า มีเลนส์ Ultra wide มีลูกเล่นการถ่ายภาพมากกว่า ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 4K ส่วนรุ่น T1x มีจุดเด่นตรงที่มีราคาประหยัดกว่า มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้าง มีแบตเตอรี่ที่อึดกว่า ใช้งานได้ยาวนานกว่า สรุปโดยรวมแล้วหากใช้งานทั่วไป T1x ตอบโจทย์การใช้งานในราคาที่คุ้มค่ากว่า แต่หากต้องการความแรง เล่นเกม 3D ไม่มีสะดุด ต้องการประสบการณ์การเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G แนะนำให้เลือก vivo T1 5G ไปเลยดีกว่า แถมยังมีราคาไม่แพง เปิดตัวเพียง 10,999 บาท ส่วน vivo T1x เปิดตัวในราคาเพียง 5,699 บาทเท่านั้นเอง ถือเป็น 2 ตัวเลือกสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากทีเดียว
สรุปสเป็ค vivo T1x
- ขนาด 164.26 × 76.08 × 8.00 มม. นัำหนัก 182 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE
- หน้าจอ FHD+ Incell ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2408 x 1080 พิกเซล, แสดงผล 90 Hz
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 680 Octa-core 2.4 GHz
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, Funtouch OS 12
- หน่วยความจำ RAM 4+1 GB, ROM 64 GB
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้าง และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8
- กล้องเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็วด้วยอแดปเตอร์ 18 วัตต์
- มีให้เลือก 2 สี Gravity Black, Space Blue
สรุปสเป็ค vivo T1 5G
- ขนาด 159.7 x 73.6 x 8.49 มม. นัำหนัก 180.3 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE และ 5G Dual mode
- หน้าจอ Super AMOLED FHD+ ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด 2404 x 1080 พิกเซล, แสดงผล 90 Hz
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 778G Octa-core 2.4 GHz
- ระบายความร้อนด้วย Vapor Chamber Cooling System 8 ชั้น
- ระบบปฏิบัติการ Android 12, Funtouch OS 12
- หน่วยความจำ RAM 8+4 GB, ROM 128 GB
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.79
- กล้องเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
- กล้องเลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 117 องศา รูรับแสงกว้าง f/2.4
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด Full HD 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
- แบตเตอรี่ 4700 mAh ชาร์จเร็วด้วย FlashCharge 66 วัตต์
- มีให้เลือก 2 สี Turbo Black, Turbo Cyan