หลังจากที่มีข่าวลือ ภาพหลุดทั้งหลายเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Vivo V15 และ V15 Pro ที่มีจุดเด่นในเรื่องของหน้าจอเต็มพื้นที่ กล้องหน้าแบบป๊อปอัพ ดีไซน์สวยหรูแพงๆ และในวันนี้ ทางวีโว่ก็ได้เปิดตัว Vivo V15 Series อย่างเป็นทางการ ซึ่งทางวอทโฟนจะขอแนะนำ 1 ในสองศรีพี่น้องอย่าง Vivo V15 Pro ที่นอกจากดีไซน์ภายนอก การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอและกล้องป๊อปอัพเก๋ๆ จะมีอะไรให้ได้เล่นกันอีกบ้าง
ดีไซน์สวย แปลกใหม่ด้วยกล้องหน้า
วีโว่ V15 Pro ใส่จุดเด่นด้วยหน้าจอ Ultra FullView Display ขนาด 6.39 นิ้วความละเอียดสูง 19.5:9 ความละเอียด 1080 x 2316 พิกเซล เป็นพื้นที่ 91.64% ของพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด ซึ่งการจัดวางหน้าจอของรุ่นนี้เต็มพื้นที่มากๆ แถมไม่มีแถบ ติ่งใดๆ เข้ามาทำให้จอเว้าแหว่ง ใช้อินเตอร์เฟซเมนู Funtouch OS 9.0
ส่วนดีไซน์ด้านหลังนั้น เป็นการดีไซน์การไล่เฉดสีที่พบได้ใน vivo V15 Series ทั้งสองรุ่น จะสังเกตว่าจะมีการไล่เฉดสีจากสีเข้มไปสีอ่อนและกลับไปยังสีเข้มอีกที ซึ่งเครื่องทดสอบที่ได้นั้นเป็นสีน้ำเงินที่มาในแนวหรูหรา และถ้าใครได้ลองจับตัวเครื่อง ก็จะเห็นว่าฝาหลังมีเส้นลวดลายสวยๆ จากดีไซน์สเปกตรัมนี้อยู่ด้วย ซึ่งรุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี คือน้ำเงิน Topaz Blue สีแดง Coral Red และสีพิเศษอย่างสีแดง Glamour Red
จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของงาน เพราะกล้องหน้าจากเดิมที่เคยอยู่ในหน้าจอ ในรุ่นนี้กลับย้ายไปเป็นกล้องหน้าแบบเลื่อนได้อัตโนมัติ หรือ Elevating Front Camera แถมยังเป็นกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงที่สุดถึง 32 ล้านพิกเซลอีกต่างหาก และยังใช้สำหรับสแกนใบหน้าอีกด้วย แต่กล้องหน้าของรุ่นนี้ไม่มีแฟลชมาให้นะจ๊ะ
และเมื่อพลิกกลับมาจะพบกับกล้องหลังสามเลนส์ มีให้ทั้งเลนส์ปกติและอัลตร้าไวด์ รวมถึงไฟแฟลชและสกรีน AI Triple Camera
นอกจากกล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติแล้ว (อย่าไปมือซน แคะแกะเกาเชียวล่ะ) ยังมีช่องหูฟังและช่องไมโครโฟนอีกช่องหนึ่งด้วยนะ
ช่องใส่ซิมการ์ดที่ย้ายไปอยู่ขอบเครื่องด้านล่าง ร่วมกับช่องไมค์รับเสียงสนทนา พอร์ต microUSB2.0 สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อต่างๆ และช่องลำโพง
ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ microSD เพิ่มความจำอยู่เพียงอย่างเดียว ร่วมกับปุ่มคำสั่งลัด หากกด 1 ครั้งจะเป็นการสั่งงาน Google Assistant แต่ถ้ากดปุ่ม 2 ครั้ง จะเป็นการเข้าสู่เมนู Jovi Image Recognizer
ใหญ่เต็มตา กับ Ultra FullView Display
ในขณะที่สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ต่างก็มีหน้าจอแบบขอบโค้ง มี Notch แถบหน้าจอ หรือเป็นติ่งทรงหยดน้ำ แต่วีโว่ตัดสินใจที่จะใช้หน้าจอที่เรียกว่า Ultra FullView Display แบบหน้าจอเน้นๆ เต็มๆ ตาแบบไม่มีสิ่งใดกีดขวางสายตา ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2316 พิกเซล ใช้หน้าจอชนิด Super AMOLED ที่แสดงค่าสีตรงกับ DCI P3 และแสดงสีค่าตรงกับต้นฉบับ ส่วนอินเตอร์เฟซใช้จาก Funtouch OS 9.0 ของวีโว่เอง ซึ่งดีไซน์ของเมนูยังอยู่ในรูปแบบที่คุ้นเคย ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ เท่าไรนัก
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้เลย
งานนี้ไม่ต้องทาบนิ้วให้ตรงกับเซ็นเซอร์หลังเครื่องเพื่อปลดล็อคหน้าจออีกต่อไปแล้ว เพราะ V15 Pro ตัวนี้มีทีเด็ด สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้เลยทันที! ซึ่งข้อดีของฟีเจอร์นี้ก็คือ สามารถใช้งานได้สะดวกในขณะจับถือ แถมด้วยความทันสมัยและปลอดภัยอีกด้วย เริ่มต้นใช้งานก็ไม่ยาก เพียงบันทึกลายนิ้วมือลงไปในเครื่องก่อนใช้งาน
สแกนใบหน้าที่รวดเร็ว
นอกจากการสแกนลายนิ้วมือผ่านหน้าจอเครื่องแล้ว ยังสามารถสแกนใบหน้าได้อีกต่างหาก แล้วถ้าเป็น Vivo V15 Pro หน้าจอเต็มพื้นที่แบบนี้ แล้วเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้าอยู่ตรงไหนล่ะ ไม่ยากเลย เพราะถ้าเปิดใช้งานสแกนใบหน้า เจ้ากล้องหน้าป๊อปอัพก็จะทำงานตามหน้าที่ แต่ขอบอกเลยว่าระบบการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วมากๆ กล้องหน้าเด้งขึ้นมายังไม่ทันสุดก็สามารถตรวจจับใบหน้าและปลดล็อคหน้าจอได้แล้ว และยังใช้งานใบหน้าแทนที่รหัสผ่านเข้าสู่แอปต่างๆ อีกด้วย
ไม่ธรรมดากับ AI Triple Camera
สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Vivo V15 Pro งานนี้จัดหนักจัดเต็มใช้ได้ ตั้งแต่กล้องสามเลนส์ที่มาพร้อมความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.8 + 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เลนส์มุมกว้างพิเศษอัลตร้าไวด์ และ 5 ล้านพิกเซลสำหรับถ่ายภาพชัดตื้น Depth Camera รูรับแสง F2.4 และเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ กล้องรุ่นนี้จึงเป็น AI Triple Camera ที่สามารถตรวจจับตัวแบบ วัตถุหน้ากล้องแล้วประมวลผลให้สมจริงที่สุด และเรียนรู้จากการถ่ายภาพอื่นๆ สะสมเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น เช่น ถ่ายภาพดอกไม้ระยะใกล้ก็จะขึ้นสัญลักษณ์รูปดอกไม้ ถ่ายภาพอาหารจะเป็นสัญลักษณ์รูปช้อนส้อม ถ่ายภาพตึกรามบ้านช่องหรือถนนหนทางก็จะขึ้นสัญลักษณ์รูปตึก ฯลฯ
ภาพถ่ายจากกล้องสามเลนส์ของ Vivo V15 Pro ก็ถือว่าสวยใช้ได้เลย ทั้งในเรื่องของสีสัน และความคมชัดของภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพกลางคืนที่เก็บรายละเอียดภาพได้ค่อนข้างครบ มีโหมดถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ ช่วยให้เก็บรายละเอียดภาพได้แบบครบๆ แต่ยังไม่พบว่าสามารถกดซูมภาพระยะใกล้ได้แต่อย่างใด ส่วนใครที่เน้นเรื่องเซลฟี่หรือถ่ายภาพคน ในกล้องก็มีเอฟเฟ็คต์แสงแบบต่างๆ ไว้สำหรับจัดแสงให้ภาพและคุณดูดีขึ้นได้อีกด้วย
กล้องหน้า Pop Up ความละเอียดสูงสุด!
ส่วนกล้องหน้าของรุ่นนี้เค้าก็มีความเด็ดไม่แพ้กัน ด้วยเทคโนโลยีจาก Vivo NEX นั่นคือตัวกล้องที่ใช้แบบเลื่อนขึ้นได้อัตโนมัติ (Elevating Front Camera) ที่จะเลื่อนขึ้นมาเมื่อเปิดกล้องหน้าพร้อมเสียงเสียงเอฟเฟ็คต์สื่อความไฮเทค และหุบลงไปเมื่อกลับไปใช้กล้องหลังหรือออกจากเมนูกล้องที่จะมีเสียงเอฟเฟคต์ดังเช่นกัน ซึ่งกลไกที่ใช้ร่วมกับกล้องหน้าตัวนี้ถูกพัฒนาให้มีความสมบุกสมบันและมีความเสถียรสูง ซึ่งทางวีโว่บอกว่ากล้องหน้าผ่านการทดสอบเลื่อนกล้องขึ้นลงแบบต่อเนื่องได้มากกว่า 300,000 ครั้งเลยทีเดียว แถมเรื่องลูกเล่นภายใน ก็ไม่ให้เสียชื่อวีโว่แน่นอน
และนอกจากความละเอียดสูงสุดในหมู่กล้องหน้าถึง 32 ล้านพิกเซลแล้ว วีโว่ยังใจป้ำ จัดหนักทุกลูกเล่นการเซลฟี่ ทั้ง
- เอฟเฟ็คต์แสงสำหรับถ่ายภาพบุคคล ทั้งแสงสตูดิโอ ลูปไลท์ แสงรุ้ง ถ่ายภาพให้ฉากหลังเป็นขาวดำ ฯลฯ
- เก็บรายละเอียดภาพแบบเอชดีอาร์
- จับเวลาถ่ายภาพ
- เอฟเฟ็คต์สีในตัว
- ระบบ AI ใบหน้าสวย สามารถปรับโทนสีผิว ความเนียน รูปใบหน้าได้ด้วยตัวคุณเอง หรือให้ AI ช่วยก็ได้
- เซลฟี่สุดน่ารักด้วยสติกเกอร์ AR ในตัว (ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้)
- AI Body Shaping ปรับสัดส่วนรูปร่างได้ทั้งร่างกาย
พลังความแรงจากชิปเซ็ตใหม่
ส่วนงานเบื้องหลังอย่างหน่วยประมวลผล วีโว่ก็จัดชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Qualcomm Snapdragon 675 AIE 11nm (นาโนเมตร) Octa-core มาให้ แถมด้วย Funtouch OS 9.0 ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์พาย 9.0 เวอร์ชั่นใหม่ในตัวทันที ซึ่งจากการทดสอบใช้งานรวมถึงการเล่นเกม พบว่ารุ่นนี้ยังทำความเร็ว ความลื่นไหลในระดับที่ใช้ได้ แต่ถ้าเป็นเกมที่ต้องใช้พลังเครื่องสูงๆ หรือรันกราฟิกหนักๆ ก็ยังพบอาการหน่วงนิดๆ อยู่บ้าง ส่วนพื้นที่ภายในเครื่องก็เยอะถึง 128GB และ RAM 6GB แต่ถ้าใครคิดว่า 128GB ยังน้อยไป ก็ยังเพิ่ม microSD ได้ด้วยนะ ส่วนแบตเตอรี่ในตัวมีความจุที่ 3,700 มิลลิแอมป์ที่ถือว่าเยอะใช้ได้ และจากการใช้งานทั่วๆ ไป อัพเดตโซเชียล ถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ แบตเตอรี่ก็ลดลงในระดับที่ยังโอเค แถมไม่พบอาการตัวเครื่องร้อนแต่อย่างใด
สรุปและความเห็นจาก WhatPhone
หลายคนน่าจะมีภาพจำว่า Vivo เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวย เซลฟี่เด่น นั่นก็เป็นสิ่งที่วีโว่ยังคงไว้ใน V15 Pro เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือนวัตกรรมล้ำสมัย ทั้งหน้าจอไร้ขอบ Ultra FullView Display ที่แท้จริง Elevating Front Camera กล้องหน้าเลื่อนขึ้นลงได้ที่ไม่ได้มีดีแต่ตัวกล้อง แต่เรื่องเซลฟี่ก็ยังจัดมาแน่นๆ ถูกใจ และสำหรับการใช้งานประจำวันอื่นๆ ขอบอกเลยว่า Vivo V15 Pro ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
ราคาและวันวางจำหน่าย
Vivo V15 Pro เปิดตัวในราคา 14,999 บาท เปิดพรีออเดอร์ 1-8 มีนาคม และวางจำหน่ายในวันที่ 9 มีนาคมนี้
ส่วนราคาของ Vivo V15 เปิดตัวที่ 10,990 บาท สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 1-8 มีนาคม และวางจำหน่ายในวันที่ 9 มีนาคมนี้เช่นกัน