Wiko Fever 4G
Wiko ขอส่งท้ายปลายปีด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ออกมาถึง 2 รุ่นด้วยกัน โดยเราจะขอ รีวิว Wiko Fever 4G ให้ได้อ่านกันก่อนที่จะรีวิว Wiko Pulp กันต่อในโอกาสถัดไป ซึ่งแรกสัมผัสเมื่อเปิดกล่อง ลองจับ Wiko Fever 4G เครื่องนี้ เรารู้สึกได้ว่า รุ่นนี้งานเนียนกว่าที่คิด ซึ่งจริงๆ แล้วสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นของ Wiko ก็มาพร้อมกับงานประกอบที่ค่อนข้างเรียบร้อยอยู่แล้วนั่นแหละ แต่สำหรับเจ้า Wiko Fever 4G เรากลับรู้สึกดีกับมันมากกว่านั้น (ว่าไปนั่น) ด้วยกรอบตัวเครื่องโลหะ ดีไซน์โค้งมนจับแล้วเข้ามือ ดูเรียบเท่ด้วยสีเทาด้าน (อารมณ์ประมาณสีเทา Space Grey) ตัดกับกระจกหน้าจอ และฝาหลังพิมพ์ลายหนังสีดำ (เครื่องทดสอบที่ได้มาเป็นสีดำ) นั้นเป็นอะไรที่ดูสวยงามลงตัวเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังแอบเพิ่มความเก๋ ด้วยเส้นพรายน้ำตัดรอบตัวเครื่อง ที่สามารถเรืองแสงสีเขียวออกมาให้ได้เห็นเมื่อยามดับไฟ แต่น่าเสียดายที่แสงมันไม่สว่างเรืองรอง เท่ากับภาพตัวอย่างบนหน้ากล่อง หรืออาจจะเป็นเพราะเราทิ้งตัวเครื่องเอาไว้ให้ดูดซับแสงนานไม่พอก็ไม่รู้นะ
ในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน ทาง Wiko ได้เลือกใช้ขุมพลังจากชิปเซ็ท MediaTek 6753 ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core ความเร็ว 1.3 GHz อัด RAM มาให้ 3 GB รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) ซึ่งจากการทดสอบ ก็พบว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลดี รวมไปถึงใช้งาน Multitask ได้เต็มที่ ไม่ค่อยเจอปัญหา Force Close มากวนใจ ทั้งนี้คงเป็นเพราะ อานิสงส์ของ RAM 3 GB ที่เมื่อเปิดเครื่องใช้งาน ก็ยังมีพื้นที่ RAM เหลืออยู่ถึง 1.8 GB นอกจากนี้ Wiko Fever 4G ก็ยังคงมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกการใช้งานให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน Smart Awake หรือการวาดตัวอักษรลงบนหน้าจอในโหมด Standby (ขณะที่เราปิดหน้าจอ) เพื่อเรียกการใช้งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการเปิดกล้อง, เปิดเครื่องเล่นเพลง, เปิดไฟฉาย หรือเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ
Physical Overview
Wiko Fever 4G มาพร้อมหน้าจอ Full HD IPS ขนาด 5.2 นิ้ว ขอบด้านบนหน้าจอเป็นตำแหน่งของลำโพงสนทนา, เซ็นเซอร์วัดแสง, เซ็นเซอร์วัดระยะห่าง, กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และ ไฟแฟลช LED สำหรับถ่ายเซลฟี่ นอกจากนี้ที่มุมซ้ายใกล้กับโลโก้ Wiko ยังมีไฟ LED Notification ซ่อนอยู่
สำหรับแผงปุ่มควบคุมพื้นฐานของ Android ทั้งปุ่ม Back, Home และ Recent App จะแสดงผลเป็นแบบ Virtual Button ให้กดใช้งานจากหน้าจอได้เลย
กรอบตัวเครื่องโดยรอบมีวัสดุเป็นโลหะ ที่ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง ซึ่งสามารถใช้งานเป็นปุ่มชัตเตอร์เมื่ออยู่ในโหมดถ่ายภาพ และยังมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และ เปิด-ปิดหน้าจอ จัดวางอยู่ใกล้กัน
ขอบบนของ Wiko Fever 4G นั้นค่อนข้างโล่ง มีเพียงช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรจัดวางอยู่เพียงอย่างเดียว
ขอบด้านล่างของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของพอร์ต microUSB สำหรับเสียบสายชาร์จ และสายดาต้าเพื่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ขนาบข้างด้วยช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และช่องไมโครโฟนสำหรับสนทนา
พลิกมาที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะพบกับกล้องถ่ายภาพระบบออโต้โฟกัสความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED สำหรับพื้นผิวของฝาหลังนั้นจะเป็นพลาสติกปั๊มลวดลายของหนังลงไป เพื่อเพิ่มความสวยงามเรียบหรู และจับได้กระชับมือมากยิ่งขึ้น
เมื่อเปิดฝาหลังของ Wiko Fever 4G ออกมา จะพบกับช่องใส่ซิม (รองรับ microSIM ทั้ง 2 สล็อต) และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 2,900 mAh จะเป็นแบบที่ฝังอยู่ในตัวเครื่อง ไม่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้
13 Mega Pixels Camera
Wiko Fever 4G มีกล้องถ่ายภาพระบบออโต้โฟกัส ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED แฟลช 1 ดวง มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานกันพอประมาณ แต่ที่น่าสนใจก็เห็นจะเป็นโหมด Professional ที่สามารถเลือกจุดโฟกัส และจุดวัดแสงแยกกันได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถเลือกความสดของสีสันในภาพ, ปรับ White Balance, ปรับค่าความไวแสง, ปรับความคมชัด และปรับค่าความสว่างได้จาก วงแหวนควบคุมที่หน้าอินเตอร์เฟซของเมนูกล้องได้อย่างสะดวก แต่ยังไม่สามารถปรับระยะโฟกัส หรือปรับสปีดชัตเตอร์ได้เหมือนกับพวกสมาร์ทโฟนรุ่นใหญ่ ส่วนกล้องหน้าของ Wiko Fever 4G ก็มีลูกเล่นจัดเต็มมาให้คอเซลฟี่ ทั้งเซลฟี่แฟลช และโหมดการถ่ายภาพแบบบิวตี้ ที่สามารถเลือกให้ซอฟแวร์ปรับความเนียนแบบออโต้ หรือจะเลือกปรับตั้งค่าผิวเนียน ตาโต ด้วยตัวเองก็ได้ นอกจากนี้ยังมีโหมด Wide Selfie มาให้ถ่ายภาพเซลฟี่เป็นหมู่คณะอีกด้วย ซึ่งวิธีถ่ายก็แค่บิดข้อมือแพนกล้องไป-มา เหมือนกับต้นตำรับจากฝั่งเกาหลีนั่นแหละ
Entertainment
การใช้งานด้านความบันเทิงทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ฟังวิทยุ เจ้า Wiko Fever 4G เครื่องนี้ก็สามารถตอบสนองให้กับคุณได้อย่างครบครัน ด้วยหน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ 5.2 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD รวมไปถึงประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลที่สามารถรองรับการเล่นเกมฮิตๆ ใน Play Store ได้แทบทุกเกม (แต่สำหรับเกมที่มีกราฟิก 3D โหดๆ มันก็มีหน่วง มีแอบกระตุกให้เห็นบ้าง ตามธรรมชาติของสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับกลาง)
Connectivity
Wiko Fever 4G เป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่ถึง 6 พัน ที่มีความครบครันทุกการเชื่อมต่อพร้อมรองรับทั้ง 4G LTE, 3G ทุกเครือข่าย (สลับการเชื่อมต่อได้จากทั้ง 2 ซิม), มีพอร์ต microUSB 2.0 ที่รองรับการใช้งาน USB On-The-Go ผ่านสาย OTG หรือใช้ร่วมกับแฟลชไดรฟ์ 2 หัวที่เป็น USB Dual Drive สำหรับเปิดไฟล์มีเดีย ไฟล์เอกสารต่างๆ บน Wiko Fever 4G หรือใช้ในการโอนถ่ายไฟล์ก็สะดวกไปอีกแบบ นี่ถ้ามี NFC มาให้แตะตัวเครื่องเพื่อโอนถ่ายไฟล์ จะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก
Final Opinion & Conclusion
Wiko Fever 4G มีความโดดเด่นตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ที่ดูเรียบ เท่ และแอบหรู ด้วยกรอบตัวเครื่องโลหะ และฝาหลังลายหนัง พร้อมประสิทธิภาพการใช้งานที่สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้ครบครัน และดูมีภาษีกว่าอีกหลายรุ่นในระดับราคาเดียวกันด้วยการใส่ RAM มาให้ถึง 3 GB ส่วนเรื่องของแถบเรืองแสงนี่ถือเป็นส่วนเสริมที่เราเชื่อว่าจะมีหรือไม่มี ก็ไม่ได้สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสักเท่าไหร่ เพราะแค่คุณสมบัติข้างต้นที่กล่าวมานั้นก็ทำให้ Wiko Fever 4G นั้นมีความน่าสนใจตัวของมันเองอยู่แล้ว
Strength
- หน้าจอ IPS FullHD ขนาด 5.2 นิ้ว, กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 3
- กรอบตัวเครื่องโลหะ, แถบเรืองแสงรอบตัวเครื่อง
- ชิป MediaTekOcta Core ความเร็ว 1.3 GHz, RAM 3GB
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1
- หน่วยความจำภายใน 16 GB/ เพิ่ม microSD ได้
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
- รองรับ 4G / 3G / Wi-Fi
- กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล , ออโต้โฟกัส, แฟลช LED
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, ไฟ LED
- เครื่องเล่น MP3 และ วิทยุ FM
- รองรับ USB OTG
Weakness
- ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่เองไม่ได้
รูปตัวเครื่อง Wiko Fever 4G
รูปหน้าจอ Wiko Fever 4G
ข้อมูลทั่วไป |
ราคา 6,990 บาท |
ขนาด, น้ำหนัก | 148 x 73.8 x 8.3 มิลลิเมตร, 143 กรัม |
เครือข่าย | GSM 850/900/1800/1900 MHz
WCDMA 850/900/2100 MHz 4G LTE 800/1800/2100/2600 MHz |
แบตเตอรี่ | Li-Po 2,900 mAh |
ระยะเวลาสแตนด์บาย | สูงสุดประมาณ 216 ชั่วโมง |
ระยะเวลาสนทนา | สูงสุดประมาณ 21.7 ชั่วโมง (2G), 16.2 ชั่วโมง (3G) |
ระบบการทำงาน | |
ระบบปฏิบัติการ | Android 5.1 (Lollipop) |
หน่วยประมวลผล | MediaTek 6753 Octa-Core 1.3 GHz, Mali-T720 GPU |
หน่วยความจำภายใน | 16 GB, 3 GB RAM |
หน่วยความจำภายนอก | Micro SD Card สูงสุด 64 GB |
จำนวนซิมการ์ด, ประเภท | 2, microSIM |
จอแสดงผล |
|
ความละเอียด, ขนาด | Full HD 1080 x 1920 พิกเซล, ขนาด 5.2 นิ้ว (423ppi) |
ชนิดและจำนวนสี | IPS Capacitive touchscreen 16 ล้านสี |
เสียง | |
การใช้คำสั่งเสียง | มี |
ลำโพงสเตอริโอ | ไม่มี |
แฮนด์ฟรี | มี |
บันทึกเสียง | มี |
มัลติมีเดีย | |
กล้องหลัง | 13 ล้านพิกเซล,ออโต้โฟกัส, แฟลช LED |
กล้องหน้า | 5 ล้านพิกเซล, แฟลช LED |
กล้องวิดีโอ | มี (Full HD 1080p) |
วิทยุ FM | มี |
เครื่องเล่นเพลง MP3 | มี |
เครื่องเล่นวิดีโอ | มี |
การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล | |
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก | Bluetooth 4.0 (A2DP), microUSB 2.0, Wi-Fi 802.11 b/g/n |
3G | HSDPA 42.2 Mbps |
4G LTE | FDD-LTE Cat. 4, DL 150 Mbps, UL 50 Mbps |
อื่นๆ | เรืองแสงในที่มืด |