คงไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความกับความคุ้มค่าของสมาร์ทโฟนจาก Xiaomi ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเรือธงแต่ก็จับต้องได้ด้วยราคาไม่แพงมาก ส่วนรุ่นกลางอย่าง Xiaomi Mi 9 Lite รุ่นนี้หากเทียบกับแบรนด์อื่นต้องเจอกับราคาหมื่นบาทแน่นอน แต่สำหรับรุ่นนี้ราคาเริ่มต้นเพียง 7,990 บาทเท่านั้น
แกะกล่องลองเล่น Xiaomi Mi 9 Lite
แฟนๆ Xiaomi คงจะทราบกันดีแล้วว่าในกล่องสมาร์ทโฟนมีอะไร และไม่มีอะไรมาให้บ้าง สำหรับรุ่นนี้ทุกท่านน่าจะเดาถูกก็เช่นเคย มาดูกันว่าในกล่องมีอะไรให้บ้าง
- สมาร์ทโฟน Xiaomi Mi 9 Lite สี Onyx Grey
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 18 วัตต์
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- Soft case สีดำ
- คู่มือการใช้งาน
ในกล่องของรุ่นนี้ก็ยังไม่มีชุดหูฟังมาให้เช่นเคย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะผู้ใช้น่าจะมีหูฟังประจำตัวอยู่แล้ว และในปัจจุบันชุดหูฟังก็ราคาไม่แพง โดยเฉพาะหูฟังบลูทูธทั้งแบบธรรมดา หรือ True Wireless ก็มีราคาถูกลงมามากเช่นกัน ซึ่งหาก Xiaomi แถมชุดหูฟังมาให้ราคาเครื่องก็คงจะอัพขึ้นไปอีกพอสมควร
ภาพก่อนอัพ MIUI 11
หน้าจอด้านหน้าใช้วัสดุเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 แข็งแรง ทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วน แต่แนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยไว้จะอุ่นใจกว่า หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว เหนือจอแสดงผลมีกล้องหน้าซ่อนอยู่โดยกินพื้นที่หน้าจอเข้ามาเล็กน้อย ส่วนล่างของหน้าจอเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลดล็อคหน้าจอ หรือเข้าใช้งานแอพฯ ที่ได้ตั้งเอาไว้
เครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Onyx Grey ตัวเครื่องไม่ได้เป็นสีดำซะทีเดียว สีออกไปทางเทาเข้มจนเกือบจะดำ ดูสวยแบบเรียบๆ ไม่มีลวดลายใดๆ แต่สีเทาเข้มของด้านหลังเมื่อต้องแสงทำให้สะท้อนออกมาเป็นลวดลายแปลกตา สำหรับด้านหลังก็มีเพียงเลนส์รับภาพกล้องดิจิตอล 3 เลนส์พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
ถาดใส่ซิมการ์ดอยู่ที่ด้านข้างซ้าย เป็นถาด Hybrid แบบ 2 ช่อง สามารถใส่ซิมการ์ดได้ 2 ใบ หรือเลือกใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ที่ช่อง SIM2 ส่วนที่ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
ส่วนบนของตัวเครื่องมีพอร์ตอินฟราเรดสำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มีช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ชุดหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มม. และที่ด้านล่างเป็นพอร์ตแบบ USB-C ช่องลำโพง และช่องไมโครโฟนรับเสียง
เมื่อใส่ Soft case ที่มีมาให้ในกล่อง
อัพเดท MIUI 11 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดได้แล้ว
ถือว่าเป็นโชคดีที่เราได้อัพเดท MIUI เวอร์ชั่น 11 พอดี โดยใช้เวลาอัพเดทจากเวอร์ชั่น 10 ไม่นาน ประมาณ 10-20 นาที แล้วแต่ความเร็วอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงในด้านของอินเตอร์เฟสหลายอย่าง สามารถใช้งาน Ambient Display หรือแสดงนาฬิกา รูปภาพ ข้อความ หรือแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอแบบติดตลอด ทำให้ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอดูบ่อยๆ มี Dark mode สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลในเมนูต่างๆ เป็นสีดำ นอกจากจะถนอมสายตาจากแสงสีขาวแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานด้วย โดยสามารถตั้งเวลาการใช้งาน Dark mode ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานช่วงกลางคืน เสียง และ Ringtone ก็ได้รับการปรับปรุงโดยเพิ่มเสียงธรรมชาติเข้าไป อย่างเช่นเสียงปลุกก็จะเป็นเสียงธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ MIUI ก็ยังปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน การเล่นเกม และปรับปรุงการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ประสิทธิภาพความแรงเหนือราคา
อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าสเป็คเครื่องนั้นให้มาเกินราคา อย่างรุ่นที่เราได้มาทดสอบหน่วยความจำ RAM 6 GB, ROM 128 GB ราคาอยู่ที่ 8,990 บาท แต่หากเลือกเป็นรุ่น 64 GB จะอยู่ที่ 7,990 บาทเท่านั้น ส่วนหน่วยประมวลผลเป็นชิพตัวเดียวกันอย่าง Qualcomm Snapdragon 710 Octa-core ความเร็ว 2.2 GHz ส่วนชิพประมวลผลภาพ 3D เป็น Adreno 640 จากการทดสอบเล่นเกม PUBG Mobile ตัวเกมแนะนำให้ปรับความละเอียดของภาพได้สูงสุด ซึ่งก็เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด และยังมีฟีเจอร์ Game Turbo ที่ช่วยเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำที่จำเป็นในการประมวลผลให้สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ผลการทดสอบความเร็วด้วยแอพฯ Antutu Benchmark ทำคะแนนได้สูงถึง 208013 คะแนน ถือว่าทำได้ค่อนข้างสูงทีเดียว
กล้อง 48 ล้านพิกเซล Tripple AI Camera
กล้องหลักของรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์รับภาพของ Sony ที่ชึ้นชื่อในเรื่องของความคมชัด และสีสันของภาพ โดยรุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.79 ใช้เลนส์ประกอบถึง 6 ชิ้น กล้องตัวที่สองใช้เลนส์ Ultra wide 13 ล้านพิกเซลที่เก็บภาพได้กว้างถึง 118 องศา และกล้อง Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลสำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ การประมวลผลภาพยังมีระบบ AI ที่ช่วยถ่ายภาพได้สวยขึ้น ซึ่งระบบจะช่วยปรับแสง และสีสันของภาพให้ดูสวยงามสมจริง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
โหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น Night, Panorama, Portrait, Pro, Timelapse ส่วนการถ่ายวิดีโอก็ทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30 เฟรมต่อวินาที แต่หากถ่ายที่ความละเอียด FHD 1080p จะถ่ายได้ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีโหมด Slow motion ที่สามารถถ่ายได้ 960 เฟรมต่อวินาที สำหรับโหมดการถ่าย Portrait น่าจะถูกใจสาวๆ ที่สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ มีโหมด Beauty ช่วยปรับความเนียนของใบหน้า และยังปรับส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้อีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปรับตาโต, หน้า V shape, ปรับจมูก, หาก, คาง เท่านั้นยังไม่พอ ยังสามารถปรับสัดส่วนของร่างกายได้อีก ไม่ว่าจะเป็นลำตัว, ขนาดเอว, ปรับขาเรียว, ปรับขนาดของหัว และหัวไหล่ได้อีกด้วย สาวๆ น่าจะถูกใจสาวๆ ที่ไม่ต้องมาแต่งภาพภายหลังให้เสียเวลา
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลังโหมด Portrait แบบปรับเอว ปรับขาเรียว
กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Ultra HD มีโหมด Beauty ปรับหน้าเนียนให้โดยอัตโนมัติ และหากเลือกเป็นโหมด Portrait ก็สามารถเลือกปรับละลายฉากหลังได้ด้วยเลนส์เพียงตัวเดียว โดยอาศัยซอฟท์แวร์ช่วยปรับละลายฉากหลังให้ นอกจากนี้มีฟีเจอร์ Light portrait ที่จะจำลองแสงตกกระทบ หรือเปลี่ยนฉากหลังให้เป็นแสงตกกระทบได้ และยังนำภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Portrait มาปรับแต่งภายหลังได้อีกด้วย
ปลดล็อคได้ด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ในราคาไม่ถึงหมื่นก็ยังได้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งสามารถเก็บลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 5 นิ้ว และในรุ่นนี้ยังพัฒนาให้สแกนลายนิ้วมือได้แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น จากการใช้งานพบว่าสามารถสแกนได้รวดเร็ว และแม่นยำประมาณ 80% ถือว่าทำได้ค่อนข้างดี แต่หากใครที่ไม่ชอบก็สามารถใช้ระบบสแกนใบหน้าแบบ 2D ก็ได้เช่นกัน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่หากใช้งานในที่มืดก็จะไม่สามารถสแกนใบหน้าได้
แบตเตอรี่ความจุสูง พร้อมรองรับ Quick Charge 4
แบตเตอรี่ที่มีมาในเครื่องมีความจุ 4,030 mAh ถ้าเทียบกับขนาดของตัวเครื่องแล้วถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถใช้งานได้ทั้งวันแบบเหลือๆ แต่หากเล่นเกมไปด้วยก็อาจจะต้องพกพาวเวอร์แบงค์ หรือเสียบสายชาร์จระหว่างวัน แต่โดยรวมถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างประหยัดพลังงาน ซึ่งก็ประกอบไปด้วยหลายๆ ปัจจัย ทั้งหน่วยประมวลผลที่ใช้พลังงานต่ำ ระบบปฏิบัติการ MIUI 11 ที่ปรับปรุงในเรื่องของการใช้พลังงานด้วย สำหรับในกล่องก็มีอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟมาให้ 18 วัตต์ แต่ตัวเครื่องก็ยังรองรับระบบ Quick Charge 4 ซึ่งก็จะชาร์จได้เร็วกว่า ความร้อนน้อยกว่า ซึ่งหากต้องการชาร์จเร็วๆ ก็สามารถหาซื้ออแดปเตอร์ที่รองรับมาใช้งานได้
อแดปเตอร์ชาร์จกำลังไฟ 18 วัตต์
สรุป Xiaomi Mi 9 Lite จากความคิดเห็นของ What Phone
Mi 9 Lite ถือเป็นสมาร์ทโฟนสเป็คดี ราคาน่าคบหา พร้อมการอัพเดทที่ต่อเนื่อง ไม่มีปล่อยทิ้งกลางทาง และถือเป็นโชคดีที่เราได้ลองเวอร์ชั่นใหม่อย่าง MIUI 11 ที่ปรับปรุงในเรื่องของอินเตอร์เฟส และประสิทธิภาพการทำงาน จากการทดสอบทำให้เราประทับใจอีกครั้งกับฟังก์ชั่น ทั้งในด้านการใช้งานทั่วไป และการเล่นเกมหนักๆ ลูกเล่นการใช้งานที่เราพบได้ในสมาร์ทโฟนเรือธงก็พบได้ในรุ่นนี้ที่ราคาไม่ถึงหมื่น เอาเป็นว่าถ้ามีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้เครื่องแรงๆ Mi 9 Lite ถือเป็นอีกรุ่นที่ควรนำไปพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ได้เลย
หน้าจอ และการใช้งาน
หน้าจอ Lock screen และเมนูการใช้งาน
หน้าจอ Ambient display หรือ Always on display ที่เลือกปรับได้หลากหลาย
เลือกปรับเอฟเฟ็คท์ Notification บนหน้าจอ Always on display
ปรับโทนสีของหน้าจอ, เลือกรูปแบบการซ่อน Notch และการเลือกปรับ Dark mode
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า Xiaomi Mi 9 Lite
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพจากกล้อง 3 ระยะ Ultra wide, Wide และ Zoom 2X
ตัวอย่างภาพโหมดธรรมดาและ Night mode
โหมดธรรมดา
Night mode
โหมดธรรมดา
Night mode
สเป็ค Xiaomi Mi 9 Lite
- หน้าจอขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ แบบติ่งหยดน้ำ
- ด้านหลังตัวเครื่องใช้กระจก 3D Glass เคลือบสีหลากหลายชั้นสวยงามและแข็งแรง
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผลรุ่นที่ 7
- CPU : Qualcomm Snapdragon 710
- RAM : 6 GB
- ROM : 64 / 128 GB แบบ UFS 2.1
- กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 MP
- กล้อง Triple Camera สามเลนส์ รองรับระบบ AI
- ความละเอียด 48 MP F/1.79
- ความละเอียด 8 MP Ultra-Wide มุมกว้าง 120 องศา
- ความละเอียด 2 MP Depth Sensor
- แบตเตอรี่ขนาด 4,030 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 18W และรองรับ Quick Charge 4
- รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ครอบทับด้วย MIUI 10 (สามารถอัพเดท MIUI 11 เวอร์ชั่นล่าสุดได้ทันที)
- รองรับการเชื่อมต่อมากมาย อาทิ รองรับ 2 ซิม, Bluetooth 5.0, IR blaster, NFC เป็นต้น
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Pearl White, Aurora Blue และ Onyx Gray
ติดตามอัพเดทข่าวสาร รีวิวมือถือ และแก็ดเจ็ทใหม่ๆ ได้ที่ Facebook Fanpage What Phone
