Xiaomi Redmi Note 8 Pro สมาร์ทโฟนระดับกลางที่คุ้มค่าตามสไตล์ Xiaomi เมื่อเทียบกับดีไซน์ และประสิทธิภาพที่ถือว่าไม่เป็นรองใครในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน อีกทั้งยังมีราคาไม่ถึงหมื่นบาทอีกด้วย
แกะกล่อง พรีวิว XIAOMI Redmi Note 8 Pro
กล่องของ Redmi Note 8 Pro มาในแบบสีขาวสะอาดตา โดยเครื่องที่เราได้รับทดสอบเป็นสี Forest green เมื่อสะท้อนกับแสงจะดูสวยงามมากสำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ก็มีมาให้ตามนี้
- สมาร์ทโฟน Xiaomi Redmi Note 8 Pro
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟขนาด 18 วัตต์
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เคสแบบใส
- คู่มือการใช้งาน
ภายในกล่องไม่ได้มีชุดหูฟังมาให้เช่นเคยตามแบบฉบับของ Xiaomi แต่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะมีชุดหูฟังประจำของตนเองอยู่แล้ว หรือหากซื้อเพิ่มก็เพียงไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง หรืออาจจะใช้ชุดหูฟังบลูทูธแบบไร้สายไปเลยก็ได้น่าจะสะดวกกว่าสำหรับยุคนี้
ทำจากวัสดุทนทานด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
Redmi Note 8 Pro มาพร้อมวัสดุแบบพรีเมี่ยม ทนทาน ด้านหน้าใช้วัสดุเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 หน้าจอแสดงผลได้เกือบเต็มหน้าจอ มีเพียงกล้องด้านหน้าที่ทาง Xiaomi เรียกว่า Dot drop Display เท่านั้นที่กินส่วนหน้าจอด้านหน้าเล็กน้อย จอภาพแสดงผลเป็นแบบ IPS LCD มีขนาด 6.53 นิ้ว อัตราส่วนการแสดงผลเทียบกับตัวเครื่อง 91.4% ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทนต่อรอยขีดข่วน ไม่ติดรอยนิ้วมือ และยังได้รับการรับรองจาก TUV Rheinland ในเรื่องของแสงสีฟ้าที่ไม่เป็นอันตรายต่อสายตาด้วย
ด้านหลังก็ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีลวดลายอะไร แต่สีเขียว Forest green ก็ดูสวยงามเมื่อสะท้อนกับแสง แต่หากไม่สะท้อนก็จะเห็นเป็นสีเขียวเข้มไล่เฉดเป็นสีดำ ดูลึกลับน่าค้นหา สำหรับด้านหลังมีเลนส์กล้องมาให้ถึง 4 เลนส์ โดยแบ่งไว้ 3 เลนส์ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่แถบเดียวกัน ส่วนเลนส์ Super macro และไฟแฟลชจะอยู่ด้านนอกใกล้ๆ กัน
ด้านข้างขวามีเพียงปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ส่วนด้านข้างขวามีช่องใส่ถาดซิมการ์ด เป็นแบบ Hybrid คือจะต้องเลือกว่าช่องที่ 2 จะใส่การ์ดหน่วยความจำ microSD หรือ SIM2
ด้านบนมีพอร์ตอินฟราเรดสำหรับใช้งานเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างมีเพียงช่องใส่ชุดหูฟัง 3.5 มม. ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C ช่องลำโพง และลำโพงสนทนา
ชิพประมวลผล Helio G90T Gaming Processor เกิดมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะ
ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นกลาง แต่สำหรับรุ่นนี้ทาง Xiaomi เลือกใช้ CPU MTK G90T Gaming Processor ที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีเทคโนโลยี LiquidCool มาพร้อม Heatpipe ที่จะช่วยระบาย และกระจายความร้อนออกจาก CPU ทำให้ไม่เกิดความร้อนสะสม ซึ่งจะมีผลทำให้เฟรมเรทตกหากตัว CPU มีความร้อนสูง ส่วนชิพประมวลผลภาพ 3D ใช้ชิพ Mali-G76 MC4 สำหรับเครื่องที่ได้มาทดสอบมาพร้อมหน่วยความจำ RAM 6 GB และ ROM 128 GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD ได้โดยใส่การ์ดแทนที่ช่อง SIM2 ส่วนระบบปฏิบัติการของรุ่นนี้ก็ใช้ Android เวอร์ชั่น 9 ล่าสุด ครอบทับด้วย MIUI เวอร์ชั่น 10.4.4.0 ที่พึ่งอัพเดทล่าสุดด้วยเช่นกัน
สำหรับประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลสามารถเล่นเกม PUBG Mobile ตัวเกมแนะนำให้ปรับความละเอียดได้ที่สูงสุด ซึ่งหากเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางส่วนมากเกมจะให้ปรับไปที่ความละเอียดระดับกลาง ส่วนการวัดความเร็วด้วยแอพฯ Antutu Benchmark 3D ก็สามารถทำคะแนนได้ถึง 227313 ซึ่งหากดูจากกราฟจะเห็นว่าแรงกว่า Mi 9T ที่เป็นเรือธงของค่ายนี้เลยทีเดียว
AI QUAD CAMERA 64 Mega Pixel
จุดเด่นของของกล้องรุ่นนี้ยังมาพร้อมกล้องถึง 4 ตัว และยังมีระบบ AI ที่ช่วยถ่ายภาพได้สวยขึ้น ซึ่งระบบจะช่วยปรับแสง และสีสันของภาพให้ดูสวยงามสมจริง โดยกล้องหลักความละเอียดถึง 64 ล้านพิกเซล f/1.89, กล้อง Ultra wide 8 ล้านพิกเซลที่เก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศา f/2.2, กล้อง Super Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
สำหรับกล้อง 64 ล้านพิกเซลเหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความละเอียดสูง แต่หากต้องการภาพที่สว่างสวยงามก็สามารถปรับไปถ่ายได้ในโหมดธรรมดา 16 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นการรวม 4 พิกเซลเป็น 1 พิกเซลเพื่อให้รับแสงได้มากขึ้น แต่การถ่ายความละเอียด 64 ล้านพิกเซลจะทำให้ไฟล์ภาพมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และประมวลผลนาน อาจจะทำให้หน่วยความจำเต็มเร็วขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเลนส์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเลนส์ Super Macro ที่สามารถถ่ายได้ใกล้สุดถึง 2 ซม. ซึ่งถือว่าถ่ายได้ใกล้ที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ และยังมีระบบออโต้โฟกัสที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะใกล้ได้คมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเป็นแบรนด์อื่นจะเป็นระบบโฟกัสคงที่ ต้องเลื่อนกล้องเข้าไปเพื่อให้โฟกัสภาพได้ชัดขึ้น
โหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Night, Panorama, Portrait, Pro, Timelapse ส่วนการถ่ายวิดีโอก็ทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30 เฟรมต่อวินาที มีโหมด Slow motion ที่สามารถถ่ายได้ 960 เฟรมต่อวินาที สำหรับโหมดการถ่าย Portrait น่าจะถูกใจสาวๆ ที่สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ มีโหมด Beauty ช่วยปรับความเนียนของใบหน้า มีโหมด Studio lighting ที่ช่วยปรับฉากหลังให้เป็นแสงเงาในแบบต่างๆ ได้อีกหลากหลายแบบ และยังสามารถนำภาพที่ถ่ายแล้วมาปรับในโหมด Studio lighting ได้อีกด้วย
บทสรุป รีวิว XIAOMI REDMI NOTE 8 Pro จากความคิดเห็นของ WHAT PHONE
จากที่ได้ทดลองใช้งานเพียงไม่กี่วันพบว่า Redmi Note 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีไซน์สวย ประสิทธิภาพการใช้งานแรงเกินราคาไปมากจริงๆ นี่ยังมีกล้องมาให้อีกถึง 4 ตัว คมชัดทุกระยะ ครบเครื่องจริงๆ กับราคาเพียง 7,999 บาท หักลบกับจุดด้อยที่ไม่แถมหูฟังมาให้ในกล่องไปได้เลย สำหรับราคาวางจำหน่ายในรุ่น 128 GB จะอยู่ที่ 8,990 บาท ก็ยังถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับความสามารถที่ได้ หากใครต้องการมือถือที่คุ้มค่าทุกบาทกับเงินที่เสียไป เราขอแนะนำรุ่นนี้ให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยครับ
สเปค Xiaomi Redmi Note 8 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 161.35 x 76.4 x 8.79 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก: 199.8 กรัม
- หน้าจอ IPS LCD แบบ Dot Drop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) กระจก Corning Gorilla Glass 5
- กล้องหลัง Quad Camera
- กล้องหลักความละเอียด 64 MP รูรับแสง f/1.89
- กล้องเลนส์มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2
- กล้องเลนส์ Ultra Macro 2 ล้านพิกเซล
- กล้องชัดลึกความละเอียด 2MP
- บันทึกวิดีโอ 4K 30fps
- กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เลนส์ 5 ชิ้น รูรับแสง f/2.0
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio G90T Gaming Processor
- ชิปประมวลผลกราฟิก Mali G76 MC4
- RAM 6 GB UFS 2.1, ROM 64, 128 GB, microSD
- รันบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie, MIUI 10
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,500 mAh พร้อมอแดปเตอร์ 18 วัตต์
- การเชื่อมต่อ WiFi 802.11a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0
- ราคา 7,999 บาท (64 GB), 8,999 (128 GB)
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง