ZTE AXON 7 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ ZTE หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนี้ได้เวลาที่จะเข้ามาประเทศไทยแล้ว ครั้งนี้ ZTE หมายมั่นปั้นมือเต็มที่กับรุ่นนี้ว่ามันจะได้รับความนิยม เพราะก่อนหน้านี้ในตลาดต่างประเทศที่ไม่ใช่แค่ในประเทศจีนบ้านเกิด ในหลายๆ ประเทศที่ยุโรปรวมถึงที่สหรัฐอเมริกา ZTE AXON 7 ได้รับการตอบรับและได้รับคำชมจากผู้ใช้เป็นอย่างดี
การออกแบบตัวเครื่องมีความพิถีพิถัน งานประกอบที่ทำได้ดีออกมาดูสวยงาม จากจัดวางตำแหน่งของปุ่มกด, กล้องหน้า-หลัง, แฟลช, ปุ่มสแกนนิ้วมือ วางเรียงได้สวยงามลงตัว โดยเฉพาะช่องลำโพงคู่ด้านหน้าที่อยู่ด้านบนและล่างของจอ ออกแบบเป็นจุดเรียงคล้ายรังผึ้งสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ที่ดูแล้วก็รู้เลยว่านี่คือ AXON พร้อมทั้งใช้วัสดุเป็นโลหะประกอบกับหน้าจอที่ใช้กระจก Gorilla Glass 4 ขอบโค้ง 2.5D ทำให้เครื่องดูโค้งมนเข้ามือและสวยหรู โดยที่ตัวเครื่องสีจะมี 2 สีคือ Chromium Silver และ Ion Golden
หน้าจอแสดงผลใช้เป็นแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้วและความละเอียดระดับ WQHD (1440 x 2560 พิกเซล) ทำให้หน้าจอของ ZTE AXON 7 ให้สีสันสดใสคมชัดดีมาก ถึงแม้ว่าจอจะมีหน้าจอที่ใหญ่ แต่การออกแบบด้านหน้าของเครื่องก็ทำได้ดี ไม่รู้สึกเทอะทะ ที่ด้านล่างจอจะเป็นปุ่มเมนู Recent, Home และ Back ส่วนที่ด้านบนจอจะมีไฟแสดงแจ้งเตือน Notification และเซนเซอร์ต่างๆ ซ่อนอยู่ ทำให้ด้านหน้าเครื่องเรียบสวยไม่มีอะไรเกะกะสายตา
ถาดซิมการ์ดอยู่บริเวณด้านข้างเครื่องที่ใช้เข็มกดออกมาแล้ว ใช้เป็นแบบ Hybrid ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้งาน 2 ซิม หรือว่าจะเลือกใช้ 1 ซิม ส่วนอีกช่องสำหรับใส่การ์ด microSD เพื่อเพิ่มหน่วยความจำให้เครื่อง รองรับได้สูงสุดถึง 128 GB ส่วนด้านล่างของเครื่อง พอร์ตเชื่อมต่อทาง ZTE เลือกใช้เป็นแบบ USB Type-C ที่สามารถเสียบกลับได้ทั้ง 2 ด้านรวมถึงมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ที่รวดเร็วมากขึ้น ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายมี Bluetooth 4.2 LE ที่ประหยัดการใช้พลังงาน มี NFC สำหรับแตะเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์หรือโอนข้อมูลกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ได้
ระบบการใช้งาน | UX/UI
ระบบภายในตัวเครื่องใช้เป็น Android 6.0.1 Marshmallow ครอบด้วย MiFavor UI 4.0 ของ ZTE ที่ออกแบบมาให้เรียบๆ ใช้งานง่าย ตัวหน้า Home เป็นแบบไม่มี App Drawer ซึ่งแอพในเครื่องทั้งหมดจะถูกมาแสดงอยู่ในหน้า Home แต่ก็สามารถจัดระเบียบด้วยการสร้างเป็น Folder เพื่อเก็บแอพเป็นหมวดหมู่ได้ ตัว Luncher ที่ให้มาก็เลือกปรับแต่งได้ค่อนข้างอิสระ ทั้งเลือกเปลี่ยนเป็น Theme หรือจะปรับเปลี่ยนภาพ Wallpaper โดยปรับความเบลอของภาพได้, เปลี่ยนรูปแบบการแสดง Icon และเอฟเฟคเวลาเปลี่ยนหน้าได้ รวมถึงปรับแต่งติดตั้ง Widget ไว้ที่หน้า Home ได้อย่างอิสระ
ฟีเจอร์การใช้งานใน UI มีลูกเล่นหลายอย่างที่มีประโยชน์ อาทิ การจับภาพหน้าจอที่นอกจากจะใช้วิธีกดปุ่ม Power + Volume – แล้ว ยังใช้วิธีเอานิ้ว 3 นิ้วขยุ้มที่หน้าจอ ก็จะจับภาหน้าจอได้ทันที และเวลาที่จับภาพหน้าจอก็ยังเลือกปรับแต่ง เขียนภาพ หรือปรับขนาดภาพได้ก่อนที่จะสั่งบันทึก
ตัวระบบมี Mi-POP ปุ่มแบบลอยซ้อนอยู่บนหน้าจอ ใช้สำหรับสั่งงานแทนการกดปุ่ม Back, Home, Recent และเรียกเมนูได้ ช่วยให้สะดวกในการใช้งานด้วยมือเดียวมากยิ่งขึ้น
Performance
พูดเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานแล้ว ZTE AXON 7 ใช้ชิปเซตรุ่นดีที่สุดที่มีขายในท้องตลาดตอนนี้อย่าง Qualcomm Snapdragon 820 Quad-core 2.15GHz ตัวประมวลผล GPU เป็น Adreno 530 พร้อมให้ RAM มา 4 GB จากการทดสอบผ่าน Antutu นั้นสามารถทำคะแนนได้เกือบ 140,000 ถือว่าเป็นระดับที่สูงมาก จาการทดสอบการใช้งานไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ ดูไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง หรือใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพระดับสูงเรียกได้ว่าใช้ได้สบายๆ โดยที่ความร้อนระหว่างที่ใช้งานหนักๆ นั้นก็ยังพอมีอยู่บ้าง
Dual Hi-Fi Chipset + Dolby Atmos
จุดเด่นที่ทาง ZTE ภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษกับรุ่นนี้ ก็คือเรื่องของเสียง ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ ZTE AXON 7 สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อมีหน้าจอที่ใหญ่คมชัด ระบบประมวลที่เร็วและแรง ถ้าจะให้เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงแล้ว ระบบเสียงที่ดีคือสิ่งที่ขาดไม่ได้
ZTE ใช้ชิปเสียง Hi-Fi แบบคู่ (AK4961 + AK4490) ที่ให้คุณภาพเสียงได้ระดับ 32 bit รองรับการใช้งานกับหูฟังระดับไฮเอนท์ พร้อมทั้งออกแบบตัวเครื่องให้ลำโพงอยู่ที่ด้านหน้าและใช้เป็น 2 ตัวให้เสียงแยกซ้ายขวาแบบสเตอริโอ และได้ใส่ระบบเสียงที่เรียกว่า Dolby Atmos ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์พกพาและสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่ว่าเสียงดังฟังชัดเพียงอย่างเดียว แต่มีการแยกมิติของเสียงให้ผู้ฟังสัมผัสได้อย่างชัดเจน ทำให้เวลาที่ดูภาพยนตร์ที่มีระบบเสียงที่ดี ได้อารมณ์และอรรถรสดียิ่งขึ้นไปอีก
และตัวระบบเสียง Dolby Atmos ยังมีให้เลือกปรับ Equalizer ของเสียงในรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการ ทั้งใช้ดูหนัง, ฟังเพลง หรือว่าเล่นเกม เรียกได้ว่าถ้าใครมองหาสมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องของเสียง AXON 7 ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ล่าสุด AXON 7 ยังไปคว้ารางวัล นวัตกรรมด้านเสียงในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ในงาน IFA 2016 ที่ผ่านมาอีกด้วย
20 megapixels Camera
กล้องถ่ายภาพของ ZTE AXON 7 เลือกใช้ที่มีความละเอียดถึง 20 ล้านพิกเซล แบบ Auto Focus พร้อมรูรับแสงที่มีขนาดกว้าง F1.8 ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น มีระบบช่วยการถ่ายภาพคุณภาพสูงติดตั้งมาให้ครบ ทั้ง Auto scene detection ช่วยให้จับโฟกัส, ปรับสภาพแสงและการเคลื่อนไหวได้ดี ระบบ Auto HDR ที่ปรับสภาพแสงของภาพออกมาให้มีความคมชัดสวยงามเป็นธรรมชาติ และมีการถ่ายภาพ Live Photo ที่ถ่ายภาพพร้อมเป็นภาพวิดีโอในตัวอีกด้วย
โหมดในการถ่ายภาพนอกจากการถ่ายภาพพื้นฐานแล้ว มีโหมด Manual ที่ให้เลือกปรับตั้งค่าถ่ายภาพแบบเดียวกับกล้อง DSLR พร้อมทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกอีกหลากหลาย อาทิ Panorama, Super Night สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืนให้ออกมาสวย, Magic Explosure ถ่ายภาพแบบเปิดหน้ากล้องเพื่อถ่ายภาพไฟรถวิ่ง, ดาว หรือน้ำตก, Slow Motion ที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวช้าได้สูงสุดถึง 1/12, Multi Exposure ถ่ายภาพซ้อน 2 ภาพ และถ่ายภาพแบบ Timelapse
ในการถ่ายวิดีโอ ZTE AXON 7 สามารถถ่ายได้ความละเอียดถึง 4K 30fps ที่มาพร้อมระบบลดการสั่นไหวของภาพที่มีมาทั้งแบบ OIS (Optical) และ EIS (Electronic) ช่วยให้เวลาถ่ายภาพวิดีโอภาพไม่เบลอ
ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลแบบ Fix Focus รูรับแสงกว้าง F2.2 พร้อมฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบครบครัน มีเลือก Beauty Mode เพื่อให้ได้ภาพออกมาสวยเนียนใส และถ่ายวิดีโอกล้องหน้าได้ความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps
จากการทดสอบใช้กล้องถ่ายภาพของ AXON 7 แล้วถือว่าดีในระดับน่าพึงพอใจ การถ่ายภาพในเวลากลางวันสภาพแสงดี HDR ของกล้องปรับภาพให้มีรายละเอียดสวยงามและสีสดใส โหมดกล้องต่างๆ ทั้ง Manual และโหมดเสริมถ่ายได้สนุก สามารถพกขาตั้งกล้องกับ AXON 7 ไปเก็บภาพสวยๆ ได้สบายๆ สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย ด้วยรูรับแสงที่กว้าง F1.8 ช่วยให้เก็บรายละเอียดของภาพในที่มืดได้ดี อาจจะมี noise ขึ้นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก โดยรวมถือว่ากล้องของ AXON 7 ตอบโจทย์การถ่ายภาพได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ
ดูตัวอย่างภาพถ่ายต้นฉบับ และวิดีโอได้ที่นี่
Fingerprint Sensor
ตัวเซนเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือของ AXON 7 จะอยู่ที่ด้านหลังของเครื่องบริเวณด้านใต้ของกล้องและแฟลช เราสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 5 นิ้ว โดยการสแกนอ่านจะเป็นแบบ 3D ดีคือระบบสามารถอ่านได้ไม่ว่าเราจะหมุนนิ้วไปทางด้านไหน ความแม่นยำและรวดเร็วในการสแกนก็ทำได้ดีมากด้วย ในการปลดล็อกเครื่องเพียงแค่เอานิ้วแตะที่เซนเซอร์ ก็สามารถเปิดเข้าใช้งานได้ในทันที
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ใช้งานร่วมกับสแกนนิ้วมือได้อีก อาทิ ใช้เป็นชัตเตอร์เวลาถ่ายภาพ, Quick Open App สั่งเปิดแอพที่ต้องการใช้ตามลายนิ้วมือที่บันทึกไว้ หรือแตะสแกนลายนิ้วมือเพื่อรับสายเวลาที่มีสายโทรเข้า
Quick Charge 3.0
ในชุดของ AXON 7 เวลาแกะกล่องมา จะมีอุปกรณ์เสริมมาให้ครบชุด ตั้งแต่อแดปเตอร์ชาร์จ, สาย USB แบบ Type-C, หูฟังระดับพรีเมี่ยม, ที่กดถาดซิม และยังตัวอแดปเตอร์เปลี่ยนหัว USB Type-C ให้เป็น Micro USB และพิเศษตรงตัวอแดปเตอร์ชาร์จที่แถมมาให้นั้น ZTE จัดตัวที่รองรับมาตรฐานการชาร์จเร็วล่าสุดของ Qualcomm มาให้เลย นั่นคือ Quick Charge 3.0 ซึ่งถ้าไปหาซื้อแยกเองราคาก็อยู่ราวๆ 500-700 บาทเลยทีเดียว
คุณสมบัติของ Quick Charge 3.0 นั้นความเร็วในการชาร์จจะเร็วกว่าเวอร์ชั่น 2.0 อยู่ 40% และเร็วกว่าการชาร์จทั่วไปถึง 4 เท่า จากที่ได้ลองทดสอบแล้วก็พบว่ามันชาร์จได้เร็วมากๆ ด้วยแบตเตอรี่ของ AXON 7 มีขนาดใหญ่ถึง 3,250 mAh แต่ความเร็วในการชาร์จนั้นสามารถชาร์จจากแบตเหลือ 10% จนเต็ม 100% ได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงนิดๆ และในช่วง 50% แรกความเร็วในการชาร์จจะค่อนข้างเร็วมากเป็นพิเศษ ประโยชน์ก็คือในเวลาฉุกเฉินที่แบตในเครื่องใกล้หมด เราเสียบชาร์จไว้แค่ประมาณ 10 นาที ก็จะได้พลังไฟฟ้ามาถึง 15-20% เลย
ส่วนเรื่องการใช้พลังงานของ ZTE AXON 7 จากที่ทดสอบใช้งานถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถใช้งานแบบปกติทั่วไปทั้งใช้โทรศัพท์รับสาย, เล่นอินเทอร์เนต, Facebook, LINE, ถ่ายภาพ, เล่นเกม ฯลฯ อยู่ได้เช้ายันค่ำได้สบายๆ (แต่ถ้าเปิดเล่น Pokemon GO ก็ไม่รอดเหมือนกัน) และด้วยความที่เป็น Androdi 6.0 จึงมีระบบบริหารจัดการพลังงานที่เลือกปรับในแอพที่ใช้งานบ่อย และยังมี Ultra Power Mode ที่เปลี่ยนหน้าจอให้กลายเป็นขาวดำ และเปิดใช้งานเฉพาะรับสายกับ SMS เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานได้อีกด้วย
Final Opinion & Conclusion
ถ้าจะมอบชื่อ “Flagship Killer” ให้กับ AXON 7 ก็ดูจะเป็นอะไรที่เหมาะสมมาก ด้วยตัวสเปคภายเครื่องที่ทาง ZTE จัดมาให้แบบถึงอกถึงใจให้มาเต็มที่แบบไม่มีกั๊ก จึงเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ตั้งแต่ตัวชิปเซตที่ใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 820 รุ่นที่แรงสุดของปีนี้ หน่วยความจำให้มามาตรฐานที่ 64GB ที่เหลือกินเหลือใช้แล้ว แต่ก็ยังให้ถาดซิมที่เป็นแบบ hybrid รองรับ 2 ซิมหรือเลือกเพิ่มเมมได้อีก 128 GB และในชุดให้มาก็มีอุปกรณ์เสริมครบถ้วน
นอกจากความแรงแล้ว เรื่องของเสียงถือว่าเป็นอีกเซอร์ไพรส์ที่ ZTE AXON 7 ทำได้ดี ลำโพงคู่หน้าทำงานร่วมกับระบบเสียง Dolby Atmos ได้อย่างลงตัว พอรวมกับจอที่ใหญ่และคมชัดระดับ QHD ทำให้เวลาเล่นเกมหรือดูหนังได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม กับความสามารถระดับนี้ต้องบอกว่าไม่มีทางหาได้ในราคาต่ำกว่า 20,000-25,000 บาทในสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น แต่ ZTE เปิดราคามาที่ 15,990 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มมากๆ
จุดเด่น
- หน้าจอความละเอียดระดับ QHD AMOLED ที่คมชัดมาก
- ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 820 รุ่นระดับตัวท็อปในท้องตลาดที่มีเข้ามาในไทยเพียงไม่กี่รุ่น
- ลำโพงคู่ด้านหน้าแบบ Stereo และระบบเสียง Dolby Atmos ที่ช่วยให้เสียงดังกระหึ่ม
- กล้องหลัง 20 ล้าน รูรับแสง F1.8 ถ่ายได้ดีในสภาพแสงน้อย และมี OIS ลดการสั่นไหวของภาพ
- ระบบสแกนลายนิ้วมือที่สแกนได้รวดเร็ว และเป็นแบบ 3D ที่หมุนองศาการสแกนได้รอบด้าน
- หน่วยความจำในเครื่องให้มาถึง 64 GB และเพิ่ม microSD ได้ถึง 128 GB
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
- รองรับระบบ VOLTE สนทนาเสียงคมชัดผ่าน 4G (ขึ้นอยู่กับการรองรับของเครือข่าย)
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C รองรับระบบชาร์จไว Quick Charge 3.0
- Android 6.0 Marshmallow ที่มีโอกาสจะได้อัพเดตเป็น 7.0 Nougat ในอนาคต
ZTE AXON 7 : Specification
- ขนาด, น้ำหนัก 151.7 x 75 x 7.9 มม., 175 กรัม
- SIM Card Nano SIM + Nano SIM
- แบตเตอรี่ Li-ion 3,250 mAh
- เครือข่าย 2G 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz
- เครือข่าย 3G 850 / 900 / 1800 / 2100 MHz
- เครือข่าย 4G 850 / 900 / 1800 / 2100 / 2300 / 2600 MHz
- หน่วยความจำภายใน 64 GB / RAM 4 GB
- หน่วยความจำภายนอก microSD สูงสุด 128 GB
- จอแสดงผล ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด WQHD 1440 x 2560 พิกเซล (538) AMOLED 16 ล้านสี
- กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4 / กระจกจอโค้ง 2.5D
- CPU : Qualcomm Snapdragon 820 Quad-core 2.15GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟฟิก (GPU) Adreno 530
- ระบบปฎิบัติการ Android 6.0.1 (มาร์ชแมลโลว์)
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi Hotspot, Wi-Fi Direct , Bluetooth v4.2, A2DP, NFC
- พอร์ต USB v3.0, Type-C 1.0
- กล้องถ่ายภาพนิ่ง 20 ล้านพิกเซล F1.8 / 8 ล้านพิกเซล F2.2
- กล้องวิดีโอ 2160p (4K) / 1080P (Full HD)
- ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงคู่สเตอริโอ
- รองรับ Quick Charge 3.0
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือ