รีวิว ZTE Blade V50 Design สมาร์ทโฟนที่หรูที่สุดในตระกูล Blade Series ที่เน้นความคุ้มค่า ราคาประหยัด แต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงานที่ใช้งานได้หลากหลาย กับราคาเปิดตัวเริ่มต้นเพียง 3,499 บาทเท่านั้น มาแกะกล่องดูกันว่ารุ่นนี้มีดีอย่างไร
แกะกล่องลองเล่น ZTE Blade V50 Design
ด้านหน้ากล่องจะมีชื่อรุ่น Blade V50 Design สกรีนโดดเด่นชัดเจนมาก และยังมีบอกคุณสมบัติเด่นๆ ของตัวเครื่อง เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่องที่ห่อพลาสติกสกรีนจุดเด่นของเครื่องอีกชั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว FHD+, กล้องหลัง 3 เลนส์ 50 ล้านพิกเซล แบตเอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh ชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์ หน่วยความจำ Dynamic RAM 8+10GB ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็มีดังนี้
- ZTE Blade V50 Design สี Diamond Black
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ 22.5 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสซิลิโคนแบบใส
- ฟิล์มกันรอย (ติดมาจากโรงงาน)
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งาน
ZTE Blade V50 Design สี Diamond Black เรียบหรู บางเบา
แรกเห็น Blade V50 Design ต้องบอกว่ามีดีไซน์ที่คุ้นตามาก คงไม่ต้องบอกว่าตรงกับรุ่นไหน แต่สำหรับรุ่นนี้ที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Diamond Black ที่ใช้โทนสีเทาเข้ม ด้านหลังใช้วัสดุเป็นกระจกที่ทำให้ดูหรูหรา สวยงามดั่งเพชรสีดำตามชื่อสีรุ่น หากกังวลว่าจะติดรอยนิ้วมือก็สามารถใส่เคสป้องกันได้ ตัวเครื่องบางเพียง 8.3 มม. ดีไซน์ขอบเหลี่ยม จับถนัดมือ นอกจากนี้ยังมีสี Sunrise Violet และสี Beach Green มาให้เลือกด้วย
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ IPS LCD สีสันสวยงาม มองเห็นได้ชัดเจนในที่แจ้ง หน้าจอมีความละเอียดระดับ FHD+ 1080 x 2408 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.5% แสดงผลด้วยอัตรารีเฟรชเรท 90 Hz ส่วนบนของหน้าจอมีกล้องหน้าแบบหยดน้ำ พร้อมลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ ซ่อนอยู่บนแถบนี้ทั้งหมด
ด้านหลังมีพื้นผิวแบบเงา ถูกออกแบบมาอย่างเรียบๆ มีกล้องมาให้ 3 เลนส์ จัดวางเป็นแบบสามเหลี่ยมอยู่ในกรอบนูนขึ้นมาเล็กน้อย และบริเวณกรอบนี้ยังสะท้อนแสงออกมาเป็นสีรุ้งตามมุมที่ตกกระทบดูโดดเด่น และสวยงามไปอีกแบบ
ที่ด้านข้างซ้ายมีช่องใส่ถาดซิมการ์ดและหน่วยความจำ สามารถใส่ SIM1 และ SIM2 พร้อมๆ กับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้พร้อมกัน
ที่ด้านข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียงสนทนา ถัดลงมาเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง พร้อมทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลดล็อคตัวเครื่อง
ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีอุปกรณ์ใดๆ อยู่ส่วนนี้ แต่ที่ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., ช่องไมโครโฟนรับเสียงสนทนา, ช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C และช่องสปีกเกอร์โฟน
ชิปเซ็ต Unisoc T606 Octa-core พื้นที่หน่วยความจำ 256 GB
Blade V50 Design ใช้ชิปเซ็ต Unisoc T606 ที่มีถึง 8 แกนประมวลผล ความเร็ว 1.6 GHz ความแรงของรุ่นนี้ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป มีความเสถียรในการทำงาน ใช้พลังงานต่ำ หน่วยความจำ RAM ขนาดใหญ่ 8GB มีฟีเจอร์ Extened RAM สามารถแปลงพื้นที่เก็บข้อมูล ROM ที่ไม่ได้ใช้สูงสุด 10GB รวมเป็น 18GB และยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 256 GB หากยังไม่พอใช้ก็ยังมีช่องให้ใส่หน่วยความจำแบบ microSD ได้อีกสูงสุดถึง 1 TB ส่วนระบบปฏิบัติการของรุ่นนี้ใช้ MyOS 13 บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 13 พร้อมอัพเดทความปลอดภัยจาก ZTE
จากการทดสอบความแรงของหน่วยประมวลผลด้วยแอปฯ Antutu เวอร์ชั่น 10.0.9 สามารถทำคะแนนได้ 226401 คะแนน
ส่วนการทดสอบด้วยแอปฯ Geekbench 6 ทำคะแนน CPU Benchmark แบบ Single-Core ได้ 372 คะแนน Multi-core ได้ 1383 คะแนน
ชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์ พร้อมแบตขนาดใหญ่ 5000 mAh
ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh ผสานการทำงานด้วยหน่วยประมวลผลที่ประหยัดพลังงาน ทำให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน และยังมาพร้อมอแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์ สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วทันใจ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็เต็มแล้ว
50 MP Triple Camera
กล้องหลักของ ZTE Blade V50 Design มีมาให้ใช้งาน 3 เลนส์ ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล โดยทั้ง 3 เลนส์มีรายละเอียดสเป็คดังนี้
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
สำหรับฟังก์ชั่นการถ่ายภาพก็มีลูกเล่นให้เลือกถ่ายไม่ว่าจะเป็นการถ่าย Portrait หน้าชัดหลังละลาย มีโหมด Beauty ช่วยปรับความสวยใส ความสว่างของใบหน้า และยังมีโหมด Panorama, Night mode, Time lapse, Macro และโหมด Pro ให้เลือกด้วย ส่วนการถ่ายวิดีโอก็สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดในระดับ FullHD 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่าย
บทสรุปรีวิว ZTE Blade V50 Design ในความเห็นของ What Phone
สำหรับใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีความเรียบหรูดูแพงในราคาเบาๆ Blade V50 Design ถือเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของงบประมาณ, ประสิทธิภาพการทำงาน ถ่ายรูปสวยด้วยกล้อง 50MP และยังมีดีไซน์ที่สวยงาม ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,499 บาทเท่านั้นในรุ่นความจุ 128 GB และสำหรับรุ่นความจุ 256 GB ที่เรารีวิวนี้เปิดตัวในราคา 3,999 บาทเท่านั้น เป็นสมาร์ทโฟนที่มีพื้นที่หน่วยความจำเยอะมากในเรทราคานี้ แถมยังเพิ่มหน่วยความจำได้อีกต่างหาก ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่คุ้มค่าแบบสุดๆ แถมประกันยาวนานถึง 18 เดือนด้วย
สรุปสเป็ค และจุดเด่น
- หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.66 นิ้ว (2080 x 2408 พิกเซล)
- การแสดงผล Refresh rate 90 Hz
- หน่วยประมวลผล Unisoc T606 Octa-core 1.6 GHz
- ชิปประมวลภาพ 3D Mali G57
- หน่วยความจำเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 1 TB
- ระบบปฏิบัติการ MyOS 13 บนพื้นฐาน Android 13
- รองรับเครือข่าย 4G LTE
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์ Depth ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล
- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- ถ่ายวิดีโอความละเอียด FullHD 1080p, 30 fps
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์
- ปลดล็อคด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายที่ปุ่มด้านข้าง, ใบหน้า
- เชื่อมต่อ WiFi 802.11a/b/g/n/ac ความถี่ 2.4 GHz, 5 GHz, Bluetooth 5.2
- มี 3 สี สีดำ Diamond Black, Beach Green และสีทอง Sunrise Violet
- รับประกันยาวนานถึง 18 เดือน
- ราคาเปิดตัว
- รุ่น RAM 8+8 GB, ROM 128 GB ราคา 3,499 บาท
- รุ่น RAM 8+10 GB, ROM 256 GB ราคา 3,999 บาท
โปรโมชั่นช่วงเปิดตัว
แถมฟรี เสื้อยืด ZTE Blade Series สีดำ มูลค่า 499 บาท หรือ Gift Box พร้อมลำโพงบลูทูธ และกระติกน้ำเก็บความร้อนมูลค่า 599 บาท ของแถมมีจำนวนจำกัด
ช่องทางการจำหน่าย
Offline : ร้านค้าปลีกตัวแทนจำหน่าย ZTE ทั่วประเทศไทย
Online :
Lazada – ZTE https://s.lazada.co.th/s.PZ04u
Shopee – ZTE Flagship Store https://shp.ee/66kx8py