สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จาก ZTE กับรุ่น ZTE Blade V7 Lite เน้นในกลุ่มตลาดราคาเบาๆ แต่ใส่ฟีเจอร์และความสามารถมาให้แบบจัดเต็ม ตั้งแต่ตัวเครื่อง การออกแบบที่ดูเรียบๆ แต่สวยงาม วัสดุที่ดูพรีเมี่ยม รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ
ZTE Blade V7 Lite : Specification
- ขนาด 143.8 x 70.2 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 135 กรัม
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.0 นิ้ว HD 1280 x 720 (294 ppi)
- ชิปเซต Mediatek MT6735P Quad-core 1.0 GHz CPU, Mali-T720MP2 GPU
- RAM 2 GB
- หน่วยความจำภายในเครื่อง 16 GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 32 GB
- กล้องด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล LED Flash
- กล้องด้านหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล LED Flash
- ใส่ได้ 2 ซิมการ์ดขนาด Nano SIM รองรับ 2G / 3G / 4G LTE
- แบตเตอรี่ Li-ion 2,500 mAh
- ระบบปฎิบัติการ Android 6.0 (Marshmallow)
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 4.0 (A2DP), microUSB 2.0, Wi-Fi, Wi-Fi Hotspot, Wi-Fi Direct
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือ
ZTE Blade V7 Lite มาในสไตล์เรียบหรู ดูงดงาม บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องเกือบบทั้งหมดเป็นหน้าจอแสดงผลขนาด 5.0 นิ้วแบบไร้ขอบข้าง เหนือขอบจอมีลำโพงสนทนา ขนาบข้างด้วยกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์วัดความสว่างและวัดระยะ และไฟแฟลช
บริเวณด้านขวาของตัวเครื่องอาจจะดูแปลกตาไปสักนิด ด้วยตำแหน่งของช่องใส่ซิมการ์ดแบบถาด ถัดลงมาคือปุ่มพาวเวอร์สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่องและหน้าจอ
ส่วนพื้นที่ด้านซ้าย เป็นตำแหน่งของปุ่มวอลลุ่มสำหรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง และใช้งานร่วมกับเมนูอื่นๆ
ด้านบนของตัวเครื่องมีลักษณะเป็นพื้นที่โล่ง มีเพียงช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. จัดวางอยู่
ส่วนบริเวณด้านล่าง จะพบกับพอร์ต microUSB 2.0 และช่องไมโครโฟนรับเสียงสนทนา
ด้านหลังของ ZTE Blade V7 Lite มีกล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซลและไฟแฟลชจัดวางบริเวณกึ่งกลางคู่กัน
ถัดลงไปจากกล้อง ก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ นอกจากนี้ ด้านล่างของเครื่องยังมีลำโพงมัลติมีเดียด้านซ้าย และช่องไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนด้านขวาที่มีหน้าตาแบบเดียวกับลำโพง
Hand On
จากการทดสอบลองใช้ ถือว่าเป็นรุ่นที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่พื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องที่หน้าจอแสดงผล 5.0 นิ้ว ออกแบบมาแบบไร้ขอบข้าง สังเกตได้จากขอบระหว่างหน้าจอและตัวเครื่องนั้นมีความแนบชิด แต่ภายในหน้าจอยังมีขอบสีดำร่นระยะหน้าจอเข้ามานิดหน่อย ส่วนการออกแบบตัวเครื่องของ ZTE Blade V7 Lite ยังคงความเรียบหรูด้วยวัสดุโลหะ และเพิ่มความสวยงามด้วยกระจกโค้งกันรอย 2.5D ครอบทับบริเวณตัวเครื่องด้านหน้า
ด้านหลังตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ในตำแหน่งกลางเครื่อง สามารถใช้งานได้ด้วยเมนู FingerPrint เพียงตั้งค่าความปลอดภัยด้วยรหัสผ่าน แล้วบันทึกลายนิ้วมือลงไปในเครื่อง ก็จะสามารถใช้งานสแกนลายนิ้วมือได้ทันที หลักๆ นอกจากใช้เพื่อปลดล็อคหน้าจอเครื่องแล้ว ยังมีเมนู Finger Touch ที่ทำให้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำหน้าที่อื่นๆ ได้ เช่น การจับภาพหน้าจอด้วยการแตะเซ็นเซอร์ 2 ครั้งติดกัน การใช้งานเลื่อนขึ้นลงด้วยเซ็นเซอร์ ฯลฯ จากการใช้งานก็พบว่า ZTE Blade V7 Lite สแกนลายนิ้วมือได้รวดเร็วดีทีเดียว และนอกจากนี้ ยังสามารถสั่งงานผ่าน Gesture & Motion ด้วยการเขียนตัวอักษรเข้าสู่เมนูต่างๆ เขย่าเครื่อง เคาะหน้าจอ ฯลฯ
สเปคภายในของตัวเครื่อง ขับเคลื่อนด้วยชิปเซตประมวลผล MediaTek MT6735P Quad-core 1.0 GHz, พื้นที่ ROM เครื่องมีให้มา 16 GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้ ส่วน RAM มีให้มา 2 GB และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาเป็นเวอร์ชั่น 6.0 (มาร์ชแมลโลว์) ครอบทับด้วยอินเตอร์เฟซ MiFavor 3.5 UI ที่มากับสมาร์ทโฟน ZTE แทบทุกรุ่น การใช้งานทั่วไปโดยรวมถือว่าลื่นไหลดีไม่มีสะดุดในระดับที่น่าพอใจ แม้ความแรงจะยังไม่เทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนระดับสูงๆ เรื่องปัญหาเครื่องทำงานช้าลงเมื่อใช้งานหนักก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง
13 Megapixel Camera
ZTE Blade V7 Lite มีกล้องถ่ายภาพหลัก 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชคู่ใจ และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลที่มีแฟลชมาให้ด้วย เลือกถ่ายภาพได้ทั้งโหมดถ่ายภาพแบบออโต้และโหมดถ่ายภาพแบบโปร เลือกปรับแต่งกล้องได้ทั้งความเร็วชัตเตอร์ ISO สมดุลสีขาว มาตรวัดระนาบเพื่อจัดให้ภาพไม่เอียง ฯลฯ รวมถึงการโฟกัสภาพด้วยการแตะจอ และยังสามารถแยกจุดโฟกัสและจุดวัดแสงออกจากกันได้ด้วย
ส่วนคุณภาพภาพถ่ายจากกล้อง 13 ล้านพิกเซลของ ZTE Blade V7 Lite ถือว่าสวยงามดีทีเดียว ถ่ายทอดสีสันออกมาสดใสสมจริง ถ่ายภาพในที่แสงน้อย (แบบไม่ใช้แฟลช) ก็ยังให้ภาพที่ค่อนข้างสว่าง ส่วนการเซลฟี่ผ่านกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลก็ถ่ายทอดความสวยงามของสาวๆ ออกมาอย่างสมจริงเช่นกันส่วนแฟลชกล้องหน้าของรุ่นนี้มีความสว่างค่อนข้างมาก หากเปิดแฟลชติดต่อกันนานๆ อาจทำให้ตาพร่าขณะถ่ายภาพได้
Entertainment
ความบันเทิงในตัว ZTE Blade V7 Lite ก็มีมาให้แบบครบครันตามแบบฉบับแอนดรอยด์สมาร์ทโฟน ทั้งเครื่องเล่นเพลงในตัว เครื่องเล่นวิดีโอที่สามารถเล่นไฟล์ Full HD 1080p ได้อย่างลื่นไหล หรือจะเลือกรับชมวิดีโอป๊อปอัพไปพร้อมๆ กับใช้งานเมนูอื่นๆ ก็ทำได้ นอกจากนี้ยังมีวิทยุ FM สำหรับอัพเดทเพลงใหม่ๆ ในแต่ละวัน
Connectivity
ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายรูปแบบต่างๆ ทั้งการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE, 3G การเชื่อมต่อ Wi-Fi สำหรับเชื่อมต่อเข้าสู่โลกออนไลน์ต่างๆ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (รองรับ Nano Sim ทั้ง 2 ซิม) แต่การใช้งาน 2 ซิมของรุ่นนี้ต้องใช้งานร่วมกับสลอตแบบไฮบริด ที่ช่องซิม 2 สามารถเลือกใช้งานเป็นช่องเพิ่มหน่วยความจำภายนอก microSD ได้ด้วย
Final Opinion & Conclusion
ถึงแม้ว่าชื่อจะเป็นรุ่น Lite ที่ชวนให้เข้าใจว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กลดสเปค แต่ความเป็นจริงต้องบอกเลยว่าจัดเต็มมาให้ทั้งฟีเจอร์และความสามารถต่างๆ ทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์, ดีไซน์ตัวเครื่องสวยหรูพร้อมหน้าจอไร้ขอบข้าง, เซลฟี่ด้วยกล้องหน้าพร้อมแฟลช และอื่นๆ อีกเพียบ
ความเร็วของชิปเซตประมวลผลอาจจะไม่ได้เร็วแรงระดับสุดยอด แต่จากการใช้งานจริง โดยรวมแล้วรุ่นนี้ก็สร้างความประทับใจในการใช้งานโดยรวมได้ไม่น้อยเลย
Strength
- หน้าจอแสดงผล 5.0 นิ้ว, ความละเอียด HD (1280 x 720 พิกเซล)
- ชิปเซต MediaTek MT6735P Quad-core 1.0 GHz / RAM 2 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) 16 GB / เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 32 GB
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0 (มาร์ชเมลโลว์)
- กล้องถ่ายภาพ 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช / ถ่ายวิดีโอ HD 720p
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช
- รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE / 3G / Wi-Fi
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
Weakness
- ลำโพงมัลติมีเดียยังไม่ใช่แบบสเตอริโอ
- ช่องใส่ซิมการ์ดยังเป็นแบบไฮบริด
พิเศษในช่วงเปิดตัว ZTE Blade V7 Lite ในเมืองไทย แซดทีอี ได้จับมือกับ เอไอเอส มอบโปรโมชั่น AIS Smart Deal มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อแพ็คเก็จ “4G Smart Deal” เดือนละ 399 บาท และ “Non-stop” เดือนละ 599 บาท สามารถซื้อเครื่อง Blade V7 Lite ได้ในราคาเพียง 1,990 บาท
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zte.co.th และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/ztedevicethailand