หนึ่งในกำหนดการทางการเงินที่คนมีรายได้ทุกคนควรรู้และไม่ควรละเลย คือ “การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” เพราะหากละเลยไม่ยื่น หรือยื่นล่าช้า อาจไม่ใช่แค่เสียค่าปรับ แต่ยังอาจโดนเบี้ยปรับเงินเพิ่ม หรือมีผลกระทบต่อเครดิตทางการเงินในอนาคตด้วย วันนี้เราจะมาสรุปให้ครบแบบเข้าใจง่าย ว่ายื่นภาษีได้ถึงวันไหน ยื่นช้าต้องเจอกับอะไร และมีวิธีใดบ้างที่ช่วยลดภาระภาษีหากเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ
ยื่นภาษีได้ถึงวันไหน ?
ในแต่ละปี กรมสรรพากรกำหนดให้ผู้มีรายได้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (แบบ ภ.ง.ด.90 / 91) สำหรับรายได้ของปีภาษีก่อนหน้า ภายในช่วงเวลา 1 มกราคม – 31 มีนาคม ของปีถัดไป หากยื่นผ่านทาง เว็บไซต์ของกรมสรรพากร (www.rd.go.th) จะมีการขยายเวลาให้ ถึงวันที่ 8 เมษายน ของทุกปี (เว้นแต่มีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นกรณีพิเศษ)
ตัวอย่าง:
- รายได้ที่เกิดขึ้นในปี 2567 → ต้องยื่นภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568
- ถ้ายื่นออนไลน์ → สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2568
หมายเหตุ: หากวันที่สิ้นสุดตรงกับวันหยุดราชการ การยื่นออนไลน์จะขยายไปถึงวันทำการถัดไปโดยอัตโนมัติ
ยื่นภาษีช้าหรือไม่ยื่นเลย มีบทลงโทษอะไรบ้าง ?
หากคุณยื่นภาษีเกินกำหนด หรือไม่ยื่นเลย อาจต้องเจอกับบทลงโทษ 3 ส่วน ดังนี้:
- ค่าปรับกรณีไม่ยื่นแบบ (Administrative Fine)
- ไม่เกิน 2,000 บาท ตามดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สรรพากร
- เงินเพิ่ม (Surcharge)
- คิดเป็น 1.5% ต่อเดือน (หรือเศษของเดือนก็นับเป็นหนึ่งเดือน) ของภาษีที่ต้องชำระ
- คำนวณตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดยื่นแบบ จนถึงวันที่ชำระภาษีจริง
- เช่น: ถ้ายื่นล่าช้า 3 เดือน และค้างภาษีอยู่ 10,000 บาท → ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 450 บาท
- เบี้ยปรับทางอาญา (Criminal Penalty)
- หากตรวจพบว่า “หลีกเลี่ยงภาษีโดยเจตนา” เช่น ไม่ยื่นแบบโดยหวังไม่ให้สรรพากรทราบ อาจถูกฟ้องร้องและมีโทษปรับสูงสุด 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี
- หากตรวจพบว่า “หลีกเลี่ยงภาษีโดยเจตนา” เช่น ไม่ยื่นแบบโดยหวังไม่ให้สรรพากรทราบ อาจถูกฟ้องร้องและมีโทษปรับสูงสุด 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี
ถ้ายื่นล่าช้า ควรทำอย่างไร ?
เมื่อรู้แล้วว่ายื่นภาษีได้ถึงวันไหนแต่มีเหตุให้ยื่นล่าช้า อย่ารอจนถูกเรียกตรวจสอบ ควรรีบ “ยื่นย้อนหลัง” ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือไปที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่โดยเร็ว พร้อมชำระภาษีและเงินเพิ่มให้ครบ เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนเบี้ยปรับหรือดำเนินคดี
วิธีลดภาระภาษีที่ควรเตรียมตั้งแต่ต้นปี
- ลงทุนผ่านกองทุนลดหย่อน
- เช่น RMF / SSF / Thai ESG / Thai ESGX ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามเงื่อนไขของแต่ละประเภท
- ทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
- ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท (กรณีประกันชีวิต) และไม่เกิน 25,000 บาท (กรณีประกันสุขภาพ)
- ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท (กรณีประกันชีวิต) และไม่เกิน 25,000 บาท (กรณีประกันสุขภาพ)
- เตรียมเอกสารให้พร้อมตลอดปี
- เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน, ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย, เอกสารการซื้อกองทุนหรือเบี้ยประกัน ฯลฯ เพื่อให้การยื่นภาษีช่วงต้นปีถัดไปเป็นเรื่องง่าย
- เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน, ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย, เอกสารการซื้อกองทุนหรือเบี้ยประกัน ฯลฯ เพื่อให้การยื่นภาษีช่วงต้นปีถัดไปเป็นเรื่องง่าย
สรุปอีกครั้ง:
- ยื่นภาษีได้ถึงวันไหน ? คำตอบคือยื่นภาษีได้ถึง 31 มี.ค. ของทุกปี (หรือ 8 เม.ย. ถ้ายื่นออนไลน์)
- ยื่นช้า = โดนปรับไม่เกิน 2,000 บาท + เงินเพิ่ม 1.5%/เดือน
- หลีกเลี่ยงไม่ยื่นเลย = เสี่ยงถูกดำเนินคดีอาญา
- วางแผนภาษีล่วงหน้า = ประหยัดภาษีได้จริง ไม่ต้องลนในปลายปี
การวางแผนภาษีที่ดี ไม่ใช่แค่การรู้ว่ายื่นภาษีได้ถึงวันไหน และยื่นให้ทันเท่านั้น แต่คือการจัดการทางการเงินทั้งปีเพื่อให้คุณเสียภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มที่สุด เริ่มต้นตอนนี้ยังไม่สาย แล้วคุณจะไม่ต้องกลัวคำว่า “ภาษียื่นช้า” อีกต่อไป
