สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาหนังศีรษะอักเสบ คงรู้สึกวิตกกังวลในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องเผชิญกับอาการคันศีรษะ หนังหัวแดง เกิดสะเก็ดเล็ก ๆ ร่วงหล่นบนบ่า ใส่เสื้อหรือบริเวณเก้าอี้มากมาย จนเกิดความระแวงและเสียบุคลิกภาพ หลายคนจึงพยายามหาทางแก้ไขด้วยการหาแชมพูรักษาหนังศีรษะอักเสบที่ใช่ มาจบปัญหาเหล่านี้ บทความนี้จึงมีเคล็ดลับมาแนะว่าควรเลือกใช้แชมพูประเภทใด และวิธีการดูแลหนังศีรษะอักเสบเพิ่มเติม
แชมพู : อาวุธลับสำคัญในสงครามการต่อสู้กับปัญหาหนังศีรษะอักเสบ
แชมพู เปรียบเสมือนอาวุธลับในการต่อสู้กับปัญหาหนังศีรษะอักเสบ การใช้แชมพูที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ แชมพูบางชนิดยังมีสารประกอบเฉพาะที่ออกฤทธิ์ลดการอักเสบ บรรเทาอาการคันหนังศีรษะ แดง ลอก และส่งเสริมการฟื้นฟูหนังศีรษะอีกด้วย
เลือกแชมพูอย่างไรให้ใช่ ?
กุญแจสำคัญคือการเลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ โดยทั่วไปแชมพูสำหรับหนังศีรษะอักเสบสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
- แชมพูขจัดรังแค : เหมาะสำหรับผู้ที่มีรังแคเป็นประจำ มักมีส่วนผสมของ Ketoconazole, Zinc Pyrithione หรือ Salicylic Acid
- แชมพูยา : มีฤทธิ์แรงกว่าแชมพูทั่วไป มักมีส่วนผสมของ Steroids หรือ Antifungal agents จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
- แชมพูสูตรอ่อนโยน : ไม่มีสารระคายเคือง สกัดจากธรรมชาติ ปราศจากน้ำหอม SLS พาราเบน สารแต่งสี หรือสารเคมีรุนแรง เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองเพิ่มเติม
- แชมพูที่มีคำแนะนำจากแพทย์ : ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำแชมพูที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณโดยเฉพาะ
ข้อดีของการใช้แชมพูที่เหมาะสม
- ลดอาการอักเสบ : แชมพูที่เหมาะสมจะช่วยลดรอยแดง อาการบวม และอาการคัน ซึ่งเป็นอาการหลักของหนังศีรษะอักเสบ
- ขจัดรังแค : แชมพูบางชนิดสามารถขจัดรังแคและป้องกันการเกิดรังแคใหม่
- ขจัดสิ่งสกปรก : น้ำมัน และเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอักเสบ ไม่ให้เกิดซ้ำ
- ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม : หนังศีรษะที่ปราศจากการอักเสบ จะช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมีสุขภาพดี และบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง
- เพิ่มความมั่นใจ : การกำจัดรังแคและอาการคัน จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
ข้อควรระวังของการใช้แชมพูรักษาหนังศีรษะอักเสบ
- อ่านฉลากส่วนผสมอย่างละเอียด : ก่อนใช้ ต้องอ่านฉลากเพื่อดูว่ามีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองหรือไม่ และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากแชมพูอย่างเคร่งครัด
- ทดสอบการแพ้ : ก่อนใช้แชมพูใหม่ ควรทดสอบการแพ้บริเวณผิวหนังด้านในท้องแขนเป็นบริเวณเล็ก ๆ ก่อน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา : หากแชมพูเข้าตา ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที
- ล้างออกให้สะอาดหมดจด : เพื่อไม่ให้เกิดการตกค้าง และควรเช็ดผมให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น อันเป็นสาเหตุของเชื้อรา
- หยุดใช้หากเกิดอาการระคายเคือง : หากอาการหนังศีรษะอักเสบไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์
หากจะให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น ควรใช้แชมพูรักษาหนังศีรษะอักเสบควบคู่ไปกับวิธีการดูแลอื่น ๆ เช่น หลีกเลี่ยงการเกาหรือสัมผัสหนังศีรษะบ่อย ๆ ลดความเครียด ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ก็จะช่วยให้หนังศีรษะกลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้นได้