ช่วงนี้มีกระแสเรื่องของการติดตามเด็กหาย การติดตามรถหาย การติดตามคนในครอบครัวมาให้เราได้ติดตามข่าวกันมา เลยอยากหยิบเอาแอพฯ ของสมาร์ทโฟนที่ใช้งานอ้างอิงกับที่อยู่ และการส่งต่อข้อมูลที่อยู่ต่างๆ ไปให้กันได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้ทราบว่าสมาชิกในครอบครัวของเรานั้นอยู่ที่ไหนกันบ้างเพื่อที่ว่าเวลาตามหากันจะได้สะดวก รวมไปถึงการติดตามของหาย คนหายได้ด้วย เรามาดูกันว่าเดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนราคาไม่กี่พันบาทก็สามารถเอามาทำเป็นเครื่องติดตามกันได้อย่างไรบ้าง
อุปกรณ์ที่สามารถเอามาใช้งานได้
ในการใช้งานติดตามเพื่อนๆ ต้องใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นหลัก เนื่องจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เปิดกว้างให้เราติดตั้งแอพฯ ที่ใช้ในการติดตามพิกัดได้ ต่างจากระบบปฏิบัติการ iOS ในไอโฟนที่สามารถใช้งานได้กับแอพฯ Find My Friend ได้เท่านั้น ซึ่งการใช้งานถูกจัดด้วย Apple ID และไอโฟนเท่านั้น จึงไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเอาไอโฟนที่มีราคาแพงไปตั้งกันรถหาย บางทีไอโฟนอาจจะหายไปแทนซะก่อนก็ได้
สมาร์ทโฟนที่เอามาใช้ไม่ต้องมีราคาแพงมากก็ได้ ขอแค่มี GPS อยู่ในตัว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ GPS ที่นำทางก็ได้ แจ้งพิกัดได้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ซึ่งเท่าที่ดูในประเทศไทยสมาร์ทโฟนที่รับแลกจาก 2G เป็น 3G อย่าง True Smart, AIS Lava และ DTAC Happy 3G ก็ใช้งานในส่วนนี้ได้แล้ว แต่ถ้าเครื่องที่จะเอาไว้เปิดแผนที่ค้นหาคงต้องมีสเป็กที่ดีหน่อย จะได้เปิดแผนที่ได้อย่างรวดเร็ว
การทำงานของแอพฯ ตรวจสอบที่อยู่ของสมาชิก
วิธีการทำงานของแอพฯ นั้นทำงานได้ง่ายๆ คือเราจะต้องเพิ่มเพื่อนเข้าไป จากนั้นแอพฯ จะส่งรายงานสถานที่ทุกครั้งที่เรามีการเคลื่อนย้ายสถานที่ โดยสมาร์ทโฟนจะทำการส่งสถานที่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ และส่งบ่อยขึ้นเมื่อมีการเรียกขอจากเพื่อนสมาชิกเพื่อเกิดความแม่นยำ
การส่งพิกัดมีอยู่สองประเภท คือจับเอาจาก GPS ที่อ้างอิงกับดาวเทียมบนโลก แต่ถ้าสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นอยู่ในอาคาร ชั้นใต้ดิน ในร่ม การรับข้อมูลจากดาวเทียมจะทำได้ยากขึ้น สมาร์ทโฟนจะเอาข้อมูลจากเสาสัญญาณมือถือ และไว-ไฟที่เราใช้งานอยู่มาอ้างอิง เพราะปกติแล้วทุกเสาสัญญาณจะมีการระบุพิกัด GPS เอาไว้อยู่แล้ว ทำให้ทราบพิกัดได้ แต่ยังไม่แม่นยำเท่า GPS
ตามติดทุกการเดินทางกับ LINE HERE
LINE HERE เป็นอีกหนึ่งแอพฯ ที่น่าสนใจสำหรับการแชร์ที่อยู่กันได้ แต่ก็ยังมีความเป็นส่วนตัวอยู่เพราะเราเลือกได้ว่าจะแชร์ที่อยู่ให้กับเพื่อนๆ เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ แค่ช่วงที่มีกิจกรรมร่วมกัน ช่วงที่นัดกันเอาไว้ โดยไม่ต้องลากยาวไปถึงกลับบ้านเมื่อไหร่ กลับทางไหน กลับกับใครจนขาดความเป็นส่วนตัว เมื่อมีการนัดหมายกันเกิดขึ้นก็แค่ดึงเอารายชื่อเพื่อนที่จะนัดกันเอามารวมเป็นกลุ่มไว้ เท่านี้เราก็จะเห็นเลยว่าเพื่อนคนไหนอยู่ที่ไหนแล้ว ใกล้จะมาถึงแล้วหรือยัง เพื่อนมากันครบหรือไม่ แม้แต่การนัดเจอลูกค้า การนัดเจอเพื่อนใหม่ นัดบอด ก็ไม่ต้องมาโทรตามกันอีกต่อไป แค่ทำตัวให้ว่างๆ แล้วไปถึงในเวลาที่กำหนดเท่านั้นเอง
LINE HERE ยังสามารถเอาไปใช้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีคนจำนวนมาก อย่างงานวิ่ง 10K งานรับปริญญา งานปั่นจักรยานระยะไกล การตั้งแคมป์ปิ้งบนอุทยาน ฯลฯ LINE HERE จะช่วยหากันได้ง่ายมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องโทรมาบอกว่าอยู่หน้าร้านอะไร มองเห็นอะไรรอบตัวบ้าง แค่กดแล้วเดินตามหากันในแผนที่ก็ง่ายกว่าเยอะ นอกจากนั้นถ้ามีใครที่หลงทาง ออกจากขบวน หลงเข้าไปในป่า ตกรถ ตกเรือ เราก็ยังทราบได้ว่าตอนนี้เขายังอยู่ที่ไหนโดยไม่ต้องมานั่งอธิบายว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง การจัดส่งหน่วยกู้ภัยก็ไปช่วยได้ง่ายขึ้น
สำหรับคนที่มีครอบครัวแล้ว ลูก เป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงที่สุดในชีวิต ลูกไปเที่ยวที่ไหน กลับเมื่อไหร่ ถึงบ้านแล้วหรือยัง บางครั้งการโทรตามอาจจะไม่ได้ผลอะไรมากนัก แค่อยู่ที่บ้านแล้วคอยดูว่าลูกถึงที่ไหนแล้ว กลับเข้าบ้านปลอดภัยหรือไม่ แค่นี้ก็ทำให้เราอุ่นใจมากขึ้นได้เยอะมาก หรือแม้กระทั่งวันหนึ่งที่ลูกต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกโรงเรียน เข้าค่าย ไปต่างประเทศ เราก็ยังคงติดตามลูกๆ ได้ด้วยแอพฯ LINE HERE นี้ด้วย
ตัวแอพฯ เองนั้นสามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และ iOS ซึ่งก็หมายความว่าสามารถเชื่อมต่อหากันได้อย่างอิสระไม่ว่าจะใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้ออะไร (ยกเว้น Microsoft Lumia) ก็เข้ามาร่วมกันในแผนที่เดียวกันได้ สิ่งที่เราต้องมีอย่างแรกคือบัญชี LINE เพื่อเอาไว้ใช้ดึงเพื่อนๆ เข้ามาอยู่ในแผนที่ได้ ถึงแม้ว่า LINE HERE จะเปิดโอกาสให้เราใช้อีเมล์เป็นบัญชีเพื่อเข้าไปใช้งานได้ แต่การใช้งานจริงๆ นั้นไม่ได้ง่ายเหมือนกับการดึงเอาเพื่อนใน LINE เข้ามาเลย เพราะนอกจากที่เราจะสามารถรู้ที่อยู่กันแล้ว ยังสามารถแชตไปถามกันได้ด้วยว่าใครอยู่ที่ไหนกันบ้างแล้ว
เริ่มต้นการใช้งาน LINE HERE
หลังจากที่ดาวน์โหลดแอพฯ มาแล้ว จะมีคำแนะนำในการใช้งานประมาณ 3 หน้า กดข้ามได้โดยการลากนิ้วไปทางด้านขวา จนมาถึงหน้าลงทะเบียนใช้งานแอพฯ เราเลือกได้ว่าจะใช้ Facebook หรือใช้ LINE ในการลงทะเบียน แต่แนะนำว่าใช้บัญชี LINE จะดีกว่า เพราะสะดวกต่อการแชตได้ดี เมื่อเลือกลงทะเบียนแล้วเราจะต้องกดตกลง (ปุ่มสีเขียว) เพื่อยืนยันการใช้งานร่วมกับแอพฯ อื่น ใน LINE HERE เราสามารถตั้งชื่อให้ไม่เหมือนกับ LINE ปกติก็ได้ รวมไปถึงรูปโปรไฟล์อาจจะใช้จาก LINE หรือใช้รูปอื่นก็ได้ตามสะดวก ซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะอยากใช้นามแฝงมากกว่าเพื่อไม่ให้มีใครตามตัวเราได้ในคราวต่อไป กดตกลงยืนยันนโยบายการใช้งานทั้งสองข้อแล้วกด “ต่อไป” เพื่อเริ่มการใช้งานเลยครับ
หน้าจอแรกสุดของ LINE HERE เป็นการบอกการใช้งานคร่าว
หน้าจอสำหรับล็อคอินให้เลือกว่าจะใช้เฟสบุ๊ค หรือไลน์
ถ้าใช้ไลน์ก็แค่กดอนุญาตสีเขียว
ตั้งชื่อ เลือกรูปให้เรียบร้อย แล้วกดติ๊กถูกด้านล่างให้ครบ
หน้าจอแผนที่หน้าจอแรกเป็นคำแนะนำการใช้งาน
ในแผนที่จะเห็นว่ามีแค่เครื่องเราอันเดียว เพราะยังไม่ได้เพิ่มสมาชิก
เปิดมาครั้งแรกหน้าจอหลักคือหน้าจอแผนที่ เป็นแผนที่ของ Google Maps ซึ่งไม่มีภาษาไทย คงต้องรอให้แอพฯ อัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ที่แสดงแผนที่ภาษาไทยได้ ซึ่งเป็นการยากที่เราจะอ่านชื่อถนนต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ ความแม่นยำของจุดพิกัดนั้นขึ้นอยู่กับสมาร์ทโฟนของคนนั้นๆ บางคนอาจจะปิด GPS ไปเลยได้แต่พิกัดของเสามือถือมาแทน ทำให้ระยะไม่แม่นยำ หรือบางทีอยู่ในรถที่สัญญาณ GPS ไปไม่ถึงก็จะไม่ทราบว่าระยะทางจริงๆ ห่างกันแค่ไหนแล้ว แต่อย่างไรแอพฯ ก็จะแสดงไอค่อนของเพื่อนๆ ให้เราเห็นทันที
กดเครื่องหมายบวกข้างล่างเพื่อเพิ่มเพื่อนใหม่ตามที่เราสะดวก
เพิ่มเพื่อนในไลน์ สามารถเลือกได้หลายๆ คน
เมื่อเลือกเพื่อนแล้วระบบจะส่งไปเป็นข้อความเชิญชวน
เพื่อนที่ได้รับข้อความก็กดเพื่อเปิดขึ้นมา
อย่าลืมติดตั้ง LINE HERE ก่อนนะครับ กดเลือก LINE HERE ได้เลย
แอพฯ จะถูกเปิดขึ้นมา ให้เลือก ยอมรับ
เท่านี้เราก็จะเห็นเพื่อนขึ้นมาในแผนที่แล้ว
กดที่การตั้งค่าการแชร์เพื่อเปลี่ยนชื่อกลุ่มใหม่ตามใจเรา
ถ้าไม่ต้องการแชร์คนไหนก็เลือกลบออกไปจากกลุ่มซะ
สร้างกลุ่มของการแชร์สถานที่กัน
การสร้างกลุ่ม และการเพิ่มสมาชิกเข้าไปนั้นเป็นสิ่งที่จะทำคู่กัน ในหนึ่งเครื่องของเราสามารถเลือกที่จะแชร์พิกัดได้หลายกลุ่ม บางกลุ่มเราแชร์แค่ชั่วโมงเดียวในช่วงทำกิจกรรมเท่านั้น แต่บางกลุ่มอาจจะเป็นครอบครัวของเรา จึงแชร์กันได้ 24 ชั่วโมง ใครหายไป ใครทำอะไรก็ตามหากันได้ทันที การสร้างกลุ่มแต่ละครั้งสามารถเชิญเพื่อนเข้ามาได้มากสุด 200 คน และแชร์แบบเปิดเวลาได้สูงสุด 24 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อจบสิ้นเวลาตามที่กำหนดเราจะไม่เห็นใครคนไหนอีกเลยว่าอยู่ที่ไหนบ้าง
ถ้าต้องการเชิญเพื่อนเข้ามาในแผนที่ ทำได้อยู่ 4 วิธี คือการเชิญผ่านหน้าจอแชตของ LINE, หน้าจอแชตของ Facebook, อีเมล์ และ SMS ไปหาเพื่อนคนนั้น เมื่อกดเชิญออกไปจะเป็นข้อความสั้นๆ พร้อมกับ URL ของเว็บไซต์ เมื่อกดที่เว็บนั้นๆ โปรแกรม LINE HERE จะเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติพร้อมกับบอกว่าเพื่อนกี่คนที่อยู่ในกลุ่ม และคุณต้องการแชร์สถานที่ให้หรือไม่ เมื่อกดตกลงแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น จะมีรูปเราอยู่บนแผนที่ทันที การกดเข้าไปดูรายละเอียดของเพื่อนแต่ละคนนั้นจะมีการแสดงระยะห่างระหว่างกันเอาไว้ด้วย เพื่อให้เราทราบว่าตอนนี้เพื่อนๆ เราใกล้จะมาเจอกันแล้วหรือยัง ถ้าเป็น LINE ด้วยกันทั้งคู่ก็กดแชตไปยังเพื่อนคนนั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าไปเปิดแอพฯ LINE อีกครั้ง หน้าจอที่แชตไปก็คือหน้าจอที่เอาไว้คุย LINE กันตามปกติ
กดที่แถบด้านบนเพื่อเข้าเมนูสถานที่
กดเพิ่มการแจ้งเตือนสถานที่
เลือกพื้นที่ที่เราต้องการ และระยะห่าง
ตั้งพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สำหรับกลุ่ม
เราสามารถตั้งการแจ้งเตือนของเพื่อนได้ทั้งขาเข้า และขาออก
การแชร์กันสามารถตั้งเวลาที่จะทำกิจกรรมก่อนแยกย้าย
หรือเลือกไม่ตั้งเวลาเลยก็ได้ ใครก็สามารถเห็นเราได้ตลอดเวลา
นอกจากการเพิ่มเพื่อนเข้าไปในกลุ่มแล้ว ยังมีลูกเล่นของสถานที่เพิ่มเข้ามาเป็นกิจกรรมในกลุ่มด้วย เช่น การนัดหมาย การออกทริปร่วมกัน การกลับมายังที่พักด้วยกัน การเข้าถึงเส้นชัยด้วยกัน ฯลฯ ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กดเพิ่มสถานที่เข้าไป โดยการเลือกจากแผนที่ หรือกดค้นหาสถานที่จาก Google Maps จากนั้นก็เลือกระยะห่างของสมาชิกว่าต้องการแจ้งเตือนเมื่อมีใครเข้ามาในพื้นที่ระยะ 100 เมตร, 500 เมตร, 1 กิโลเมตร และ 2 กิโลเมตร เมื่อเพื่อนคนนั้นๆ เข้ามาในพื้นที่ตามที่เราตั้งเอาไว้ ระบบจะทำการแจ้งเตือนทันทีบนหน้าจอเพื่อให้เราทราบว่าเพื่อนจะมาถึงแล้ว ใครที่ชอบโกหกบอกว่าจะถึงแล้ว แต่ความจริงยังไม่ออกจากบ้านเลย แอพฯ นี้ก็จะแสดงให้เห็นว่าเรานั้นยังไม่ถึงพื้นที่นั้นจริงๆ
การแจ้งเตือนสามารถเอาไปใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น เตือนเมื่อลูกกลับมาถึงบ้านแล้ว เตือนเมื่อลูกน้องกลับเข้ามาออฟฟิต เตือนเมื่อรถไปถึงจุดหมายปลายทาง เตือนเมื่อแฟนกำลังกลับมาถึงบ้าน เตือนเมื่อใกล้ถึงจุดนัดหมาย เป็นต้น เราไม่ต้องมานั่งไล่ดูแผนที่อีกเลย เพียงแค่ใช้งานตามปกติ แล้วรอแจ้งเตือนว่าใครใกล้จะมาถึงจุดที่เราตั้งเอาไว้บ้าง การเตือนนั้นไม่ใช่แค่การเข้ามาถึงจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่เราสามารถระบุได้ว่าเตือนเมื่อมีใครออกจากพื้นที่ได้ด้วย แน่นอนว่าถ้ามีใครหนีกลับก่อน ใครออกนอกพื้นที่ ก็จะมีการแจ้งเตือนบอกให้เราทราบทันที
ตัวอย่างการใช้งานจริงที่มีเพื่อนเข้ามาในกลุ่มแล้ว
กดเพื่อดูรายละเอียดของเพื่อนพร้อมดูระยะห่าง
ลากนิ้วถ่างออกบนจอเพื่อขยายแผนที่ให้ละเอียดมากขึ้น
ข้อควรรู้
สมาร์ทโฟนบางรุ่นมีระบบประหยัดพลังงานเมื่อไม่มีการใช้งานเป็นเวลานานสักระยะหนึ่ง ทำให้ LINE HERE ขึ้นเครื่องหมายตกใจ ถ้าต้องการให้ใช้งานแอพฯ LINE HERE ไปตลอด เราควรไปตั้งค่าไม่ให้แอพฯ นั้นปิดไปเมื่อไม่มีการใช้งานอะไร เพราะบางอุปกรณ์อาจจะต้องเอาไปใช้เพื่อตามรถหายได้ แต่ถ้าไม่มีคนกดใช้มันก็จะไม่สามารถตามได้
การจัดการข้อมูลในกลุ่ม
นอกจากการเพิ่มสมาชิกเข้ามาในกลุ่มแล้ว เรายังสามารถจัดการสมาชิกในกลุ่มที่กดเข้ามาได้ด้วย เพราะบางครั้งอาจจะมีการเชิญต่อๆ กันไปจนควบคุมไม่อยู่ เราก็แค่เข้าไปจัดการเพื่อนแล้วเลือกลบคนนั้นๆ ออกไป คนที่โดนลบออกไปจากกลุ่มก็จะไม่สามารถมองเห็นกิจกรรมในกลุ่มอีกต่อไป เพื่อเป็นการจำกัดข้อมูลส่วนตัวของเพื่อนๆ คนอื่นในกลุ่มไปด้วยในตัวเอง
แอพฯ อื่นๆ ที่สามารถใช้งานติดตามเพื่อนสมาชิกได้ด้วย
นอกจากแอพฯ ของ LINE HERE ซึ่งมีลูกเล่นเกี่ยวกับการนัดหมาย การนัดเจอกันกับเพื่อนในกลุ่ม เรายังมีอีกหลายๆ แอพฯ ที่น่าใช้งาน และมีลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไปด้วยดังนี้
Life360
แอพฯ นี้ก็เน้นที่การตามหาเพื่อนๆ โดยสามารถติดตามกัน แชตกันในแอพฯ ได้ตลอดเวลา เมื่อเพื่อนของเราไปถึงจุดหมายที่ไหน หรือเช็คอิน ณ จุดใดก็มีการแจ้งให้ทราบกันทั้งกลุ่ม เป็นแอพฯ ที่จบภายในแอพฯ เดียวไม่ต้องต่อไปยังแอพฯ อื่น แต่ด้วยหน้าตา และแผนที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดอาจจะทำให้การใช้งานได้ค่อนข้างยากไปด้วย การใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพต้องเสียเงินรายปีประมาณพันกว่าบาทต่อเครื่อง
หน้าจอแรกของแอพฯ
มีการตั้งค่าเล็กน้อยก่อนใช้งาน
หน้าจอหลัก จะเห็นว่ามีการบอกระดับแบตเตอรี่ให้ด้วย
หน้าจอลูกเล่นต่างๆ ของแอพฯ
ถ้าอยากใช้งานมากกว่านั้นให้ซื้อแอพฯ เป็นรายปี
Family Locator – GPS Tracker
แอพฯ นี้พัฒนาโดย Sygic บริษัทผลิตแอพฯ บนสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตอนนี้ แผนที่ของ Sygic นั้นดูง่าย สวยงาม และถูกต้อง การทำงานของ Family Locator นั้นจะเน้นการตามติดสมาชิกในครอบครัวเป็นหลัก จึงไม่มีลูกเล่นของการแจ้งเตือน การนัดหมายเลย แต่จะไปเพิ่มในส่วนของประวัติการเดินทางที่กดดูได้เลยว่าแต่ละคนเดินทางไปไหนบ้าง และเมื่อมีการย้ายสถานที่ (หรือโดนจับตัวไป) ก็จะทำการแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองให้ทราบเลยทันที สุดท้ายคือถ้าเราเห็นว่าท่าจะไม่ปลอดภัยก็โทรไปหาสมาชิก (หรือเด็กๆ) คนนั้นได้ทันทีด้วย ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ที่น่าสนใจคือการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถ เครื่องบิน เพียงเรากรอกข้อมูลการเดินทางลงไปก็จะแจ้งเตือนให้ทราบทันทีว่าเราคนที่เราตามหานั้นอยู่ที่ไหนแล้ว เครื่องลงช้า หรือเร็วหรือไม่ การใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพต้องเสียเงินประมาณห้าร้อยบาทตลอดชีวิต/เครื่อง
หน้าจอของแอพฯ
การใช้งานครั้งแรกต้องเลือกพื้นที่ปลอดภัยเสียก่อน
หน้าจอหลักของแอพฯ ที่แสดงแผนที่
เลือกดูแผนที่เป็นดาวเทียมได้ด้วย
การดูประวัติ หรือใช้งานอื่นๆ ต้องเสียเงินเพิ่ม
Google Maps Location History (ไทม์ไลน์ของคุณ)
การตรวจสอบว่าตอนนี้สมาร์ทโฟนของเรานั้นอยู่ที่ไหนบางครั้งอาจจะไม่เพียงพอ บางครั้งเราอาจจะต้องการทราบว่ามันได้ไปอยู่ที่ไหนแล้วบ้างนั้นทำได้อีกหนึ่งทางคือการใช้ “ไทม์ไลน์ของคุณ” เป็นการดูเส้นทางการเดินทางของเราว่าเราไปไหน ที่ไหน นานเท่าไหร่ อย่างละเอียด อาจจะเอาไว้ใช้ติดตามการเดินทาง การท่องเที่ยว การตามจับรถหาย หรือเอาไปใช้งานอื่นๆ ได้ตามวัตถุประสงค์ของเรา วิธีการใช้งานก็แค่อัพเดท Google Maps ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วก็กดเข้าเมนู ไทม์ไลน์ของคุณ ได้เลยครับ
เข้า Google Maps แล้วเลือกไทม์ไลน์ของคุณ
ระบบจะแสดงแผนที่พร้อมกับกิจกรรมที่เราทำล่าสุด
กดที่ด้านบนเพื่อเลือกวันอื่นๆ ในแผนที่
เลื่อนลงมาเพื่อดูรายการทั้งหมดในแต่ละวันได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางในการติดตามเพื่อน ญาติ ลูกหลาน และของมีค่าของเราได้อย่างง่ายดาย เราสามารถดัดแปลงเพื่อใช้งานกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เหมาะกับเรา แต่ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของแบตเตอรี่ เพราะสมาร์ทโฟนปกติแล้วแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เต็มที่ 1 วันเท่านั้น ถ้าจะใช้งานมากกว่านั้นต้องมีพาวเวอร์แบงค์ หรือถ้าต้องการติดตามคน รถ สิ่งของ ควรทำให้จบภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่เกิดการหายไป มิเช่นนั้นทำอย่างก็จะไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย บางครั้งเราก็ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ติดตามตัวที่มีราคาแพง แค่เอาสมาร์ทโฟนเก่าๆ มาดัดแปลงเพื่อใช้งานก็ทำให้มันคุ้มค่าได้เหมือนกันครับ
มีหลายท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลไปหรือไม่กับการตามติดข้อมูลไปตลอดแบบนี้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการเอาไปใช้งาน และต้องได้รับการยินยอมอย่างเต็มใจจากสมาชิกที่ใช้งานทุกคนด้วย นายจ้างย่อมต้องการตรวจสอบการใช้งานรถบรรทุกคันละหลายสิบล้านบาทจากลูกจ้าง เจ้าของบ้านก็อยากตรวจสอบรถตัวเองที่หายไป พ่อแม่ก็อยากรู้ว่าลูกอยู่ไหน แต่การเอาไปจับชู้ หนีกิ๊ก หรือเรื่องส่วนตัวนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายด้วย เทคโนโลยีมีประโยชน์ถ้าเราใช้ให้ถูกทางครับ
