iPad Pro รุ่นปี 2020 ได้ถูกเปิดตัวออกมาเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยห่างจากรุ่นปี 2018 เกือบถึง 2 ปีเลยทีเดียว สำหรับรุ่นใหม่ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์แนวเดิม แต่มีการเปลี่ยนมาใช้ชิป A12Z Bionic ที่เร็วและแรงขึ้น พร้อมกับการอัพเกรดกล้องเพิ่มเลนส์ Ultra Wide เข้ามา และมี LiDAR Scanner สำหรับการสแกนวัตุแบบ 3 มิติ พร้อมกับการวัดระยะต่างๆ ที่แม่นยำขึ้น และรุ่นปีนี้ก็มีให้เลือก 2 ขนาด หน้าจอ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ซึ่งรุ่นนี้ Wi-Fi วางจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ apple.com แล้ว ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular จะวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม
และในวันนี้ทางทีมงาน Whatphone.net ก็ได้รับ iPad Pro 12.9 นิ้ว Wi-Fi รุ่นปี 2020 ความจุ 1TB เครื่องศูนย์ไทย มาทดสอบ วันนี้ก็เลยมาแกะกล่อง พร้อมกับส่องดีไซน์ พรีวิวตัวเครื่องให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกัน พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
แกะกล่อง
ตัวกล่องยังคงมาในกล่องสีขาวพร้อมกับรูปเครื่อง iPad Pro พร้อมวอลล์เปเปอร์แบบใหม่อยู่ด้านหน้ากล่อง ซึ่งจะเป็นขนาดเท่าเครื่องจริงเลย ส่วนซีลก็มาเป็นแบบดึงได้เลย ไม่ต้องใช้คัตเตอร์กรีด ส่วนรอบๆ กล่องก็จะมีโลโก้ Apple และ คำว่า iPad Pro
ด้านหลังกล่องจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับรุ่นนี้เป็นภาษาไทย แต่ไม่มีการบอกรุ่นปีที่เปิดตัว ดังนั้นต้องดูจากรายละเอียดตรงนี้ โดย iPad Pro 12.9 นิ้ว รุ่นปี 2020 นี้ จะเป็นรุ่นที่ 4 (4th Generation) และบอกอีกด้วยว่าเป็น Wi-Fi หรือเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular พร้อมกันยังระบุความจุอยู่ด้านบนสุดแบบชัดเจน
เมื่อเปิดออกมาเราก็จะพบกับตัวเครื่องวางอยู่ พร้อมกับซีลรอบตัวเครื่องอย่างดี
เมื่อยกตัวเครื่องออก เราก็จะพบกับซองเอกสาร ซึ่งด้านในก็จะมีคู่มือการใช้งานและเอกสารการรับประกัน พร้อมกับเอกสารจาก กสทช. ซึ่งระบุเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจสอบอุปกรณ์ เพราะรุ่นนี้ไม่ได้ใช้ Cellular นั่นเอง และยังคงให้สติ๊กเกอร์แอปเปิ้ลสีขาวมาอยู่
ด้านในก็จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 18W พอร์ต USB-C พร้อมกับสายชาร์จ USB-C
ส่องดีไซน์
มาดูตัวเครื่องกันต่อ สำหรับรุ่นนี้จะเป็นรุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว ใช้จอภาพ Liquid Retina แบ็คไลท์แบบ LED มีขอบสีดำไว้สำหรับการหยิบจับตัวเครื่อง เพื่อไม่ให้ไปโดนหน้าจอได้ง่าย รองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3, True Tone และ ProMotion ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz เพื่อตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการสัมผัสและการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil มีความสว่าง 600 นิต มีการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือและเคลือบสารกันแสงสะท้อน
กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล วางอยู่ตรงขอบตัวเครื่อง เพื่อใช้งานถ่ายรูปหรือ Facetime รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 1080p ด้วยอัตรา 30 หรือ 60 เฟรมต่อวินาที
ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมแบบยูนิบอดี้ สำหรับสีที่ได้มาก็คือ สีเทา สเปซ เกรย์ และจะมีสีเงินให้เลือกเพิ่มเติม มีลำโพงมาให้ถึง 4 ตัว เสียงสเตอริโอรอบทิศทาง สามารถปรับเสียงตามการหมุนตัวเครื่องโดยอัตโนมัติ และมาพร้อมกับไมโครโฟนรอบๆ ตัวเครื่องมากถึง 5 ตัว เพื่อการบันทึกเสียงที่ชัดเจนและสมจริงมากขึ้น และยังมีปุ่มปลดล็อคด้านบนตัวเครื่อง ปุ่มปรับระดับเสียงสนทนาที่ด้านข้าง และมีพอร์ต USB-C
สิ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนที่สุดก็คือ กล้องหลังแบบใหม่ โดยมีดีไซน์แบบเดียวกันกับ iPhone 11 ของปีนี้ และรุ่นนี้ได้ใช้งานกล้องไวด์ 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.8 มาคู่กับกล้องอัลตร้าไวด์ 10 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.4 มุมมองภาพ 125 องศา รองรับซูมออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิตอลสูงสุด 5 เท่า บันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K เพิ่มตัวเลือกในการใช้งานถ่ายรูปและวิดีโอได้มากขึ้นกว่าเดิม
และยังมาพร้อมกับ LiDAR Scanner (Light Detection and Ranging) ใช้สำหรับการวัดระยะโดยการใช้แสงเดินทางไปยังวัตถุและสะท้อนกลับมา ซึ่งสามารถวัดระยะวัตถุที่อยู่ไกลได้สูงสุด 5 เมตร สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งนอกจากการวัดระยะแล้ว ยังใช้ประโยชน์ด้าน AR ด้วย และองค์การนาซาจะนำเทคโนโลยี LiDAR Scanner นี้ไปใช้ ในภารกิจลงจอดยานบนดาวอังคารครั้งต่อไปด้วย
ในด้านประสทิธิภาพจะใช้ชิปประมวลผล A12Z Bionic พร้อม GPU แบบ 8 คอร์ สามารถงานตัดต่อวีดีโอ 4K และงานออกแบบกราฟิก 3 มิติ ได้อย่างลื่นไหล แน่นอนว่ารวมถึงการเล่นเกมบน iPad Pro นี้ด้วย และยังมาพร้อมกับ Neural Engine ที่จะช่วยในเรื่องของการประมวลผล AI และด้วยชิปประมวลผลใหม่นี้ ทำให้ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง การเชื่อมต่อก็รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0
มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iPadOS 13.4 ที่รองรับการใช้งานแทร็คแพดที่จะมีการปรับเปลี่ยนเคอร์เซอร์ไปตามจุดที่เราพอยท์เข้าไป ซึ่งจะทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น และมีการออกอุปกรณ์เสริมใหม่อย่าง Magic Keyboard ที่เป็นแป้นคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับแทร็คแพดเลย (วางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม) และในตอนนี้สามารถใช้งาน Smart Keyboard Folio ร่วมกับ Magic Track Pad แทนก่อนได้ ซึ่งระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นปัจจุบันเป็น iPadOS 13.4.1 แล้ว ใครที่ได้เครื่องมาใหม่ก็อย่าลืมอัพเดตเวอร์ชั่นด้วยนะ
แน่นอนว่า iPad Pro รุ่นปี 2020 นี้ ได้ออกแบบมาให้มีแม่เหล็กดูด Apple Pencil ติดกับตัวเครื่องพร้อมกับชาร์จไร้สายไปในตัว ทำให้สะดวกในการพกพาเหมือนเดิม
iPad Pro รุ่นปี 2020 แบบ Wi-Fi วางจำหน่ายแล้วผ่านทางเว็บไซต์ apple.com แล้ว มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน และสีเทา สเปซ เกรย์ ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท ส่วนรุ่น Wi-Fi+ Cellular จะวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม
ราคาและความจุ IPAD PRO รุ่นปี 2020
สำหรับ ไอแพด โปร รุ่นใหม่นี้จะมาด้วยกันถึง 2 ขนาดหน้าจอ ได้แก่ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว โดยจะมีความจุเริ่มต้นที่ 128GB และสูงสุดที่ 1TB มีรุ่น Wi-Fi และ Wi-Fi+Cellular ให้เลือก
รุ่นหน้าจอ 11 นิ้ว แบบ Wi-Fi
- ความจุ 128GB Wi-Fi ราคา 27,900 บาท
- ความจุ 256GB Wi-Fi ราคา 31,400 บาท
- ความจุ 512GB Wi-Fi ราคา 38,400 บาท
- ความจุ 1TB Wi-Fi ราคา 45,400 บาท
รุ่นหน้าจอ 11 นิ้ว แบบ Wi-Fi + Cellular
- ความจุ 128GB Wi-Fi + Cellular ราคา 32,900 บาท
- ความจุ 256GB Wi-Fi + Cellular ราคา 36,400 บาท
- ความจุ 512GB Wi-Fi + Cellular ราคา 43,400 บาท
- ความจุ 1TB Wi-Fi + Cellular ราคา 50,400 บาท
รุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว แบบ Wi-Fi
- ความจุ 128GB Wi-Fi ราคา 34,900 บาท
- ความจุ 256GB Wi-Fi ราคา 38,400 บาท
- ความจุ 512GB Wi-Fi ราคา 45,400 บาท
- ความจุ 1TB Wi-Fi ราคา 52,400 บาท
รุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้ว แบบ Wi-Fi + Cellular
- ความจุ 128GB Wi-Fi + Cellular ราคา 39,900 บาท
- ความจุ 256GB Wi-Fi + Cellular ราคา 43,400 บาท
- ความจุ 512GB Wi-Fi + Cellular ราคา 50,400 บาท
- ความจุ 1TB Wi-Fi + Cellular ราคา 57,400 บาท