Xiaomi 11T Pro และ Xiaomi 11T อีกหนึ่งสมาร์ทโฟน 11T Series ที่มาพร้อมความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการถ่ายภาพนิ่ง การถ่ายวิดีโอ หน่วยประมวลผลสุดแรง ดีไซน์ที่โดนใจ และการชาร์จที่เร็วที่สุดในโลก คราวนี้ทีมงาน What Phone ได้มีโอกาสสัมผัสเครื่องเป็นกลุ่มแรกๆ ของไทย มาแกะกล่อง รีวิว ดูกันเลยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีดีอะไรบ้าง
แกะกล่อง รีวิว Xiaomi 11T Pro
ก่อนอื่นเลยจากเดิมสมาร์ทโฟนของ Xiaomi จะใช้แบรนด์ Mi เป็นการเรียกชื่อรุ่นต่างๆ มาถึงรุ่นนี้ทาง Xiaomi ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรนด์ Xiaomi นำหน้าชื่อรุ่น อย่างเช่น Xiaomi 11T Series รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใช้ชื่อแบรนด์ Xiaomi แบบเต็มๆ ส่วนกล่องของรุ่นนี้ก็มีความเรียบหรูด้วยโทนสีขาว พร้อมหมายเลข 11 สีทองอยู่ตรงกลาง ส่วนล่างมีโลโก้ Sound by harman / kardon ซึ่งเป็นผู้จูนเสียงให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ มาแกะกล่องดูกันเลยว่าข้างในมีอะไรบ้าง
- Xiaomi 11T Pro สี Meteorite Gray
- อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 120 วัตต์
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-C
- เคสซิลิโคนแบบใส
- ฟิล์มกันรอยแบบติดมาจากโรงงาน
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
ภายในกล่องก็มีอุปกรณ์มาให้ค่อนข้างครบครัน ขาดก็เพียงชุดหูฟังเท่านั้น แต่เชื่อว่าผู้ใช้งานหลายๆ ท่านน่าจะมีหูฟังประจำตัวอยู่แล้ว หรือจะหาซื้อมาใช้งานเดี๋ยวนี้ก็มีราคาไม่แพง โดยเฉพาะหูฟัง True Wireless นอกนั้นทั้งเคส ฟิล์มกันรอยที่ติดมาพร้อมจากโรงงาน อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่กำลังไฟ 120 วัตต์ก็มีมาให้ครบ แกะกล่องออกมาก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์กันรอยเพิ่มเติม
Xiaomi 11T Series ความแรงที่แฝงไว้ในความเรียบหรู
ภายนอกของเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Meteorite Gray ดีไซน์ดูเรียบหรู แฝงไปด้วยความดุดันของสีเทาเข้ม ที่ด้านหลังยังมีลวดลาย Texture แบบโลหะที่ให้ความรู้สึกแข็งแรง ทนทาน เมื่อสะท้อนกับแสงจะเห็นลวดลายชัดเจน ดูมีมิติสวยงามมาก และถึงแม้ว่าจะใส่เคสใสก็ยังคงเห็นความสวยงามของด้านหลังอย่างชัดเจน อีกทั้งยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วน และช่วยกันกระแทกได้เป็นอย่างดี
จอแสดงผลด้านหน้าแบบ AMOLED DotDisplay ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว เป็นจอแสดงผลแบบ AMOLED ที่ให้สีสันไล่เฉดสีถึง 1 พันล้านสี พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 120 Hz เหนือจอแสดงผลนอกจากจะกล้องหน้าแบบเจาะรูปแล้ว ยังมีลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ต่างที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
ที่ด้านหลังถูกออกแบบมาในแนวนอน พร้อมโลโก้ Xiaomi และ 5G ที่มุมด้านซ้าย ส่วนมุมด้านขวาเป็นเลนส์กล้องที่ดีไซน์เป็นสเต็ป 2 ชั้น เลนส์รับภาพกล้องทั้ง 3 ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ส่วนอีกชั้นเป็นไฟแฟลชแบบ LED พร้อมสัญลักษณ์ 108MP AI Camera ส่วนกล้องนี้จะนูนขึ้นมาจากด้านหลังเล็กน้อย แต่หากใส่เคสที่มีมาให้ในกล่องก็ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้จากการวางบนพื้นโต๊ะ
ที่ด้านข้างซ้ายถูกดีไซน์มาแบบโล่งๆ ไม่มีปุ่มกดใดๆ อยู่ฝั่งนี้ ส่วนที่ด้านข้างขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปด้วยในตัว ซึ่งปุ่มนี้จะนูนขึ้นมารับกับนิ้วมือเล็กน้อย ทำให้สแกนนิ้วได้อย่างสะดวก
ที่ด้านบนจะเห็นโลโก้แบรนด์ Sound by harman / kardon เล็กๆ พร้อมทั้งมีช่องลำโพงแบบสเตอริโอที่ให้เสียงแยกซ้ายขวาเมื่อทำงานร่วมกับลำโพงที่ด้านล่างของตัวเครื่อง นอกจากนี้ยังมีช่องไมโครโฟนที่เข้ามาช่วยตัดเสียงรบกวน และพอร์ตอินฟราเรดสำหรับสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับแอพฯ Mi Remote
สุดท้ายที่ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ 2 ซิม ถัดมาเป็นไมโครโฟนรับเสียงสนทนา ช่องเสียบสายแบบ USB-C และช่องลำโพงสปีกเกอร์ เมื่อวางเครื่องในแนวนอนขณะเปิดชมภาพยนตร์ก็จะให้เสียงแยกซ้ายขวาอย่างชัดเจน
Cinemagic Videography ที่สุดของการถ่ายวิดีโอสำหรับสายครีเอเตอร์
จุดเด่นที่สุดของ Xiaomi 11T Series นั่นก็คือการถ่ายวิดีโอ โดยมีคอนเซ็ปท์ Cinemagic Videography ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการถ่ายคลิปวิดีโอ ทั้งคอนเทนท์ครีเอเตอร์ระดับมืออาชีพ หรือหากเป็นมือสมัครเล่นก็ยังทำให้การถ่ายวิดีโอของคุณดูเป็นมืออาชีพขึ้นมาได้ด้วยการถ่ายในโหมดต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย
โดยกล้องถ่ายวิดีโอของ Xiaomi 11T Pro สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K 30 เฟรมต่อวินาที หรือหากต้องการเฟรมเรทที่สูงขึ้นก็สามารถเลือกปรับลงมาได้ที่ความละเอียด 4K ที่สามารถถ่ายได้ถึง 60 เฟรมต่อวินาที ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวดูสมูท ลื่นไหลเหมือนการถ่ายด้วยกล้องระดับโปร ส่วน Xiaomi 11T ก็สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 4K 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งก็ถือว่าเป็นความละเอียดที่เพียงพอแล้วในยุคนี้
ตัวอย่างคลิปวิดีโอจาก Xiaomi 11T Pro ความละเอียด 4K 60 เฟรมต่อวินาที
ในการถ่ายวิดีโอยังมีโหมด Steady video ที่ช่วยลดการสั่นไหวของภาพ เหมาะกับการถ่ายวิดีโอที่ถือด้วยมือ ซึ่งจะช่วยให้ภาพที่ออกมาดูไม่สั่นไหว แต่ความละเอียดจถูกปรับลดลงเหลือในระดับ Full HD 1080p 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งก็ถือว่าเพียงสำหรับการอัพลงโซเชียลอย่าง YouTube หรือ Facebook แล้ว นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกมากถึง 13 แบบ ทำให้ภาพดูสีสันแปลกตาไม่เหมือนใคร
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สาวๆ ต้องชื่นชอบ นั่นก็คือการถ่ายวิดีโอในโหมด Beautify ที่จะช่วยปรับให้ใบหน้าเนียนใสโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีโหมด Bokeh ช่วยละลายฉากหลังแบบ Real time ทำให้ภาพบุคคลดูโดดเด่น พร้อมทั้งละลายฉากหลังที่ไม่ต้องการได้อีกด้วย แต่ในโหมดนี้จะปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ HD 720p 30 เฟรมต่อวินาทีเท่านั้น
ตัวอย่างคลิปวิดีโอจาก Xiaomi 11T Pro ถ่ายด้วยโหมด Video Bokeh
และสำหรับการถ่ายวิดีโอจากระยะไกลก็สามารถทำให้เสียงดัง และชัดเจนขึ้นได้ด้วยโหมด Audio Zoom จากการทดสอบจะเห็นว่าเมื่อซูมภาพเข้าไปใกล้ๆ เสียงก็จะเพิ่มความดังให้โดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างคลิปวิดีโอจาก Xiaomi 11T Pro ถ่ายด้วยโหมด Audio Zoom
โหมดการถ่ายวิดีโอยังมีลูกเล่นสนุกๆ ให้เลือกมากมายที่จะช่วยให้คอนเทนท์ครีเอเตอร์ได้เลือกใช้เพื่อให้คลิปวิดีโอดูโดดเด่น ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นโหมด Short video, VLOG, Slow motion, Dual Video, Movie effect และ Clone Video
ตัวอย่างการถ่ายวิดีโอสั้นๆ ด้วยโหมด VLOG
ตัวอย่างการถ่ายวิดีโอสั้นๆ ด้วยโหมด Clone
กล้องระดับ Flagship 108MP Triple Camera
กล้องถ่ายภาพแบบ 3 เลนส์ ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AI Camera ที่จะเข้ามาช่วยปรับสีสันของภาพให้สวยงามให้เหมาะกับวัตถุที่จะถ่าย โดยกล้องเลนส์หลักมีความละเอียด 108 ล้านพิกเซล แต่หากถ่ายภาพในโหมดปกติจะถูกลดลงเหลือ 12 ล้านพิกเซล แต่ยังคงใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยการใช้ถึง 9 พิกเซลเพื่อรวมให้เหลือ 1 พิกเซล ซึ่งจะช่วยให้รับแสงได้มากขึ้นเพื่อให้ได้ภาพที่สว่างมากยิ่งขึ้น ทำให้ภาพดูสว่าง และสีสันสวยงามสมจริง แต่หากต้องการถ่ายภาพที่ความละเอียด 108 ล้านพิกเซลก็สามารถเลือกปรับได้ในเมนูการตั้งค่า สำหรับสเป็คกล้องทั้งด้านหน้า และด้านหลังของรุ่นนี้มีเลนส์อะไรให้เราได้ใช้บ้าง มาดูกันเลย
กล้องหลัง
- กล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.75 เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/2 นิ้ว
- กล้องเลนส์ Ultra wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้อง Telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4
กล้องหน้า
- กล้องเลนส์ Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.45
ในการถ่ายภาพของรุ่นนี้ก็มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโหมด Time-lapse, โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคล สามารถปรับค่ารูรับแสง หรือความเบลอของฉากหลังได้ตั้งแต่ f/1.0 (เบลอมากสุด) ไปจนถึง f/16 (เบลอน้อยสุด), โหมด Beautify เลือกปรับความเนียนของใบหน้า ปรับขนาดตัวให้ดูเพรียวบาง ปรับเอวให้คอด หรือปรับขนาดหัวให้เล็กลงได้ ซึ่งน่าจะถูกใจสาวๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ มาให้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโหมด Pro ที่สามารถปรับแต่งการถ่ายภาพได้ ทั้งค่าสปีดชัตเตอร์, ค่ารูรับแสง, ISO, White balance และสำหรับฟิลเตอร์ก็มีให้เลือกมากถึง 19 แบบ, Long Exposure เป็นต้น
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
Xiaomi 11T Pro ขับเคลื่อนด้วยชิพเซ็ต Snapdragon 888 5G ขวัญใจชาวเกมเมอร์
Xiaomi 11T Pro กับความแรงแบบขีดสุดด้วยชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 รองรับเครือข่าย 5G สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 5 นาโนเมตร พร้อมด้วยแกนประมวลผลแบบ Octa-core ทำงานที่ความเร็ว 2.84 GHz ในเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นรุ่นหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8 GB และพื้นที่หน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 256 GB ซึ่งเป็นหน่วยความจำแบบ UFS 3.1 สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เปิดแอพฯ หรือเกมต่างๆ ได้อย่างทันใจ มีให้เลือกทั้งรุ่นหน่วยความำ 8+128 GB, 8+256 GB และ 12+256 GB
สำหรับ Xiaomi 11T ก็ยังใช้ชิพเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่เร็ว แรง อย่าง MediaTek Dimensity 1200-Ultra รองรับเครือข่าย 5G สถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร พร้อมด้วยแกนประมวลผลแบบ Octa-core ทำงานที่ความเร็ว 3.0 GHz มีให้เลือกทั้งรุ่นหน่วยความจำ 8+128 GB และ 8+256 GB
ทั้งสองรุ่นทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 11 พร้อม MIUI เวอร์ชั่น 12.5.3 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด รองรับแอพพลิเคชั่น และบริการต่างๆ จาก Google ได้ 100% อีกทั้งยังรองรับการอัพเดทต่างๆ ในอนาคต ส่วนการเล่นเกมเราได้ทดสอบเล่นเกม 3D หนักๆ ที่เราใช้ทดสอบเป็นประจำอย่าง PUBG Mobile สามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ระดับ Ultra HD หรือเกม Call of Duty Mobile ก็สามารถเปิดความละเอียดได้สูงสุด นอกจากนี้ยังมีโหมด Game Turbo ที่จะช่วยจัดการทรัพยากรในเครื่องให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
ผลการทดสอบด้วยแอพฯ Antutu 3D Benchmark ของรุ่น Xiaomi 11T Pro ทำคะแนนได้สูงถึง 558307
ส่วนการทดสอบด้วยแอพฯ Geekbench 5 ของรุ่น Xiaomi 11T Pro ก็สามารถทำคะแนน Single core ได้ 813 และ Multi-core ทำได้ 3407
เต็มอิ่มด้วยหน้าจอ AMOLED หนึ่งพันล้านเฉดสี แสดงผล 120 Hz
จอแสดงผลของ Xiaomi 11T Series ทั้งสองรุ่นมีสเป็คหน้าจอที่เหมือนกัน ทั้งคู่มีขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ แบบ DotDisplay รองรับอัตราการรีเฟรชเรท 120Hz แสดงผลภาพได้สวยงามและใช้ได้อย่างลื่นไหล พร้อมเทคโนโลยี Touch sampling rate ที่สูงถึง 480 Hz ตอบสนองการแตะสั่งงานเพียงเสี้ยววินาที กระจกด้านหน้ายังใช้วัสดุเป็นกระจก Corning Gorilla Glass Victus ที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วนอีกด้วย
จอแสดงผลแบบ AMOLED ของรุ่นนี้ยังรองรับระบบ Always on Display ที่สามารถเลือกแสดงผลนาฬิกา การแจ้งเตือน หรือภาพกราฟฟิคแบบอื่นๆ ได้ขณะสแตนด์บาย สามารถดูได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเปิดหน้าจอบ่อยๆ นอกจากนี้ยังมีระบบ AI Image Engine ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มความละเอียด สีสัน และเฟรมเรทของภาพ และวิดีโอให้มากขึ้นด้วยระบบ AI อย่างเช่น Super resolution, AI image enhancement, AI HDR enhancement และ MEMC ที่เข้ามาช่วยเพิ่มเฟรมเรทให้วิดีโอลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ครบครันความบันเทิงด้วยระบบเสียง Sound by harman / kardon และ Dolby Atmos
ในด้านความบันเทิง Xiaomi 11T Series ทั้งสองรุ่นก็ยังมาพร้อมลำโพงคู่ที่ให้ระบบเสียงสเตอริโอ แยกเสียงซ้ายขวาอย่างชัดเจน จะฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ก็ให้อรรถรสเหมือนกับการชมบนจอใหญ่ อีกทั้งยังได้รับการจูนเสียงและได้รับการรับรอง Sound by harman / kardon อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos ที่ช่วยให้สัมผัสถึงเสียงระบบรอบทิศทาง ทำให้การชมภาพยนตร์ได้เสียงที่สมจริงมากยิ่งขึ้น
ที่สุดของการชาร์จเร็วด้วย Xiaomi Hyper Charger 120W
Xiaomi 11T Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับการชาร์จเร็วในระดับร้อยวัตต์รุ่นแรกที่วางจำหน่าย ภายในกล่องมีอแดปเตอร์กำลังไฟสูงถึง 120 วัตต์มาให้พร้อมใช้งาน ซึ่งตัวอแดปเตอร์อาจจะมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักกว่าอแดปเตอร์ทั่วไปเล็กน้อย แต่สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วทันใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังอาศัยเทคโนโลยี Dual-cell แบ่งแบตเตอรี่ออกเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 2,500 mAh รวมเป็น 5,000 mAh ในเครื่องเดียว จึงสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย และยังได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland Safe Fast-Charge System Certification อีกด้วย
จากสเป็คสามารถชาร์จ 0-72% ได้ในเวลา 10 นาที และเต็ม 100% ด้วยเวลาเพียง 17 นาทีเท่านั้น ซึ่งการทดสอบของเราได้ลองชาร์จจาก 1% เป็นระยะเวลา 6 นาทีก็สามารถชาร์จได้ถึง 43% ถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ และเพียง 11 นาทีชาร์จไปถึง 71% และเมื่อถึง 100% เต็มก็ใช้เวลาเพียง 18 นาทีเท่านั้น เมื่อชาร์จเสร็จตัวเครื่องก็เพียงแค่อุ่นๆ ไม่ถึงกับร้อน เรียกได้ว่าชาร์จเร็วมากจนเครื่องยังไม่ทันจะร้อนเลยก็ว่าได้ ถือว่าเป็นที่สุดของระบบชาร์จแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนในเวลานี้เลยทีเดียว
แต่ถ้าใครที่ห่วงเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่เมื่อชาร์จเร็วบ่อยๆ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะทาง Xiaomi เคลมว่าแบตเตอรี่สามารถคงสภาพอายุแบตเตอรี่ที่ 80% หลังจากการชาร์จครบ 800 ครั้ง หากคำนวนด้วยการชาร์จทุกวัน วันละครั้งก็ยังใช้งานได้ยาวๆ ถึง 2 ปีกว่าๆ โดยแบตเตอรี่ยังคงความจุได้ถึง 80% หรือประมาณ 4,000 mAh ซึ่งแบตเตอรี่ระดับนี้ก็ถือว่ายังใช้ได้อีกยาวๆ ถึง 3 ปีแน่นอน
ส่วน Xiaomi 11T ก็ยังมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 67 วัตต์ พร้อมอแดปเตอร์ 67W Xiaomi HyperCharge มีมาให้ในกล่อง สามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 36 นาที ซึ่งก็ยังถือว่ารวดเร็วทันใจ และยังถือว่าชาร์จได้เร็วกว่าแบรนด์อื่นๆ พอสมควร
บทสรุป Xiaomi 11T Series ในความเห็นของ What Phone
มาถึงบทสรุปจากการทดสอบใช้งานจริงของ Xiaomi 11T Pro กันแล้ว ต้องบอกเลยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จัดเต็มขั้นสุดมาให้ทุกด้าน ทั้งการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอที่มาพร้อมกล้องความละเอียดสูงในระดับ 108 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอ 8K หน่วยประมวลผลที่เลือกใช้ชิพเซ็ตระดับ Flagship Snapdragon 888 ชาร์จเร็วด้วย Xiaomi HyperCharge 120W ที่ใช้งานได้จริง เร็วจริงจนน่าตกใจ โดยเฉพาะการชาร์จในช่วงแรกๆ ที่ถือว่าเป็นที่สุดในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟน ไม่เพียงเท่านั้น ทางด้านความบันเทิงก็ใส่มาให้แบบเต็มๆ เช่นกัน โดยเฉพาะจอภาพ และเสียงที่ให้อรรถรสในการใช้งานอย่างคาดไม่ถึง รอบนี้ Xiaomi ทำการบ้านมาดีมากๆ
สำหรับ Xiaomi 11T ที่ถือว่าเป็นรุ่นรองจาก Pro แต่ในด้านการใช้งานถือว่าไม่ต่างกันมากนัก ถึงแม้ว่าจะใช้ชิพเซ็ตคนละตัว แต่การใช้งานจริงแทบไม่เห็นความแตกต่าง ส่วนที่ต่างกันเห็นจะเป็นเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่ที่มีกำลังไฟ 67 วัตต์ ก็ถือว่าไม่น้อยสำหรับสมาร์ทโฟนในยุคนี้เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ หากงบประมาณจำกัด Xiaomi 11T ก็เป็นตัวเลือกที่ยังน่าสนใจไม่แพ้กัน ส่วนจุดด้อยก็เห็นจะเป็นเรื่องหน่วยความจำที่ไม่สามารถเพิ่มได้ หากใครถ่ายวิดีโอบ่อยๆ แนะนำรุ่น 256 GB ไปเลยครับ และสำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะเลือกตัวไหน แนะนำให้ไปลองตัวจริงที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย หากตัดสินใจได้แล้วก็กดสั่งได้เลยครับ รับรองไม่ผิดหวังกับทั้งสองรุ่นอย่างแน่นอน
สรุปสเป็ค Xiaomi 11T Pro
- ขนาด 164.1 x 76.9 x 8.8 มม. นัำหนัก 204 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE และ 5G พร้อมช่องใส่ซิมการ์ด 2 ใบ
- หน้าจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล แสดงผล 1 พันล้านสี
- Refresh rate 120 Hz, Touch Sampling rate 480 Hz
- จอแสดงผลรองรับ HDR10+ และ Dolby Vision
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 5G Octa-core ความเร็ว 2.84 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพ 3D Adreno 660
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, MIUI 12
- หน่วยความจำ RAM 8/12 GB LPDDR5, ROM 128/256 GB UFS3.1
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.45
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักเลนส์เลนส์ Wide 108 ล้านพิกเซล f/1.75
- กล้องเลนส์ Ultra wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องเลนส์ Telemacro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 Optical Zoom 2X
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็วด้วยอแดปเตอร์ Xiaomi HyperCharge 120 วัตต์
- การเชื่อมต่อ WiFi 6, Bluetooth 5.2, NFC
- มีให้เลือก 3 สี Celestial Blue, Moonlight White, Meteorite Gray
- ราคาเปิดตัว
- รุ่นหน่วยความจำ 8/128 GB ราคา 16,990 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ 8/256 GB ราคา 18,990 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ 12/256 GB ราคา 20,990 บาท
สรุปสเป็ค Xiaomi 11T
- ขนาด 164.1 x 76.9 x 8.8 มม. นัำหนัก 203 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G LTE และ 5G พร้อมช่องใส่ซิมการ์ด 2 ใบ
- หน้าจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล แสดงผล 1 พันล้านสี
- Refresh rate 120 Hz, Touch Sampling rate 480 Hz
- จอแสดงผลรองรับ HDR10+ และ Dolby Vision
- หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 1200-Ultra 5G Octa-core ความเร็ว 3.0 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพ 3D Mali-G77 MC9
- ระบบปฏิบัติการ Android 11, MIUI 12
- หน่วยความจำ RAM 8 GB LPDDR5, ROM 128/256 GB UFS3.1
- ระบบปลดล็อคด้วยสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง และปลดล็อคด้วยใบหน้า
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.45
- กล้องหลัง 3 เลนส์
- กล้องหลักเลนส์เลนส์ Wide 108 ล้านพิกเซล f/1.75
- กล้องเลนส์ Ultra wide 8 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องเลนส์ Telemacro 5 ล้านพิกเซล f/2.4 Optical Zoom 2X
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จเร็วด้วยอแดปเตอร์ Xiaomi HyperCharge 67 วัตต์
- การเชื่อมต่อ WiFi 6, Bluetooth 5.2, NFC
- มีให้เลือก 3 สี Celestial Blue, Moonlight White, Meteorite Gray
- ราคาเปิดตัว
- รุ่นหน่วยความจำ 8/128 GB ราคา 13,990 บาท
- รุ่นหน่วยความจำ 8/256 GB ราคา 14,990 บาท
ตัวอย่างภาพจากกล้อง