Fitbit Luxe สมาร์ทแทร็คเกอร์ที่มาพร้อมดีไซน์หรูหรา สวยงาม เข้ากันได้กับการแต่งกายทุกชุด สวมใส่ได้ทุกโอกาส ต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่ส่วนมากจะมีดีไซน์ธรรมดา มองดูแล้วเหมาะกับการออกกำลังกาย แต่ไม่เหมาะกับเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน มาดูกันว่าสมาร์ทแทร็คเกอร์รุ่นนี้นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว จะมีฟีเจอร์อะไรโดดเด่นบ้าง
แกะกล่องลองเล่น Fitbit Luxe
- สมาร์ทแทร็คเกอร์ สี Lunar White / Soft Gold Stainless Steel
- สายนาฬิกา 2 ขนาด Size S และ L
- สายชาร์จแบตเตอรี่
- คู่มือการใช้งาน
สมาร์ทแทร็คเกอร์ดีไซน์หรู สวมใส่สบาย
สำหรับใครที่ไม่ชอบใส่นาฬิกา หรือสมาร์ทวอชเรือนใหญ่ๆ Fitbit Luxe ถือเป็นสมาร์ทแทร็คเกอร์ที่มีดีไซน์แบบ Jewely ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สวมใส่สบายได้ตลอด 24 ชม. แม้กระทั่งเวลานอน แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างจากสมาร์ทแบนด์ หรือสมาร์แทร็คเกอร์นั่นก็คือความสวยงาม หรูหรา เข้ากับการแต่งกาย สวมใส่ได้ทุกโอกาส โดยตัวเรือนของรุ่นนี้เป็นสี Soft Gold วัสดุทำจาก Stanless Steel ส่วนสายเป็นสี Luna White ที่มีสีโทนชมพูอ่อนๆ เหมาะกับคุณผู้หญิง เมื่อที่ไม่ชอบสีชมพูจ๋า ภายในกล่องก็มีสายขนาด M มาให้สำหรับผู้ใช้ที่มีข้อมือใหญ่
จอแสดงผลแบบ AMOLED ให้สีสันสวยงาม พร้อมระบบประหยัดพลังงาน สามารถสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ใช้นิ้วมือแตะสั่งงาน ปัดซ้ายขวา ขึ้นลงเพื่อเลื่อนเมนูได้ ส่วนด้านข้างทั้งสองด้านไม่มีปุ่มกดใดๆ มาให้
ด้านหลังของสมาร์ทแบนด์มีเซ็นเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจแบบออฟติคอล เป็นไฟ LED สีเขียว โดยเมื่อสวมใส่เซ็นเซอร์จะแนบติดกับผิวหนังเพื่อตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนระบบการวัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ของรุ่นนี้ตามข้อมูลหน้าเวบไซต์แจ้งว่าจะมีให้อัพเดทเพื่อใช้งานเร็วๆ นี้ ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ก็ยังมีแม่เหล็กดูดกับแท่นชาร์จมาให้ด้วย สามารถชาร์จกับพอร์ต USB ได้ทุกแบบ ทั้งอแดปเตอร์ และพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์
สายที่ให้มาเป็นสายซิลิโดนน้ำหนักเบา สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เลื่อนสลักออกมาเท่านั้น และยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นสายแบบต่างๆ ให้เลือก ทั้งสายแบบหนังแท้ หรือสายสแตนเลส ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับสมาร์ทแทร็คเกอร์ และผู้สวมใส่ด้วย
ใช้ร่วมกับแอพฯ Fitbit รองรับทั้ง Android และ iOS
ในการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนเพื่อตั้งค่า เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา หรือดูข้อมูลต่างๆ ก็สามารถทำได้ผ่านแอพฯ ที่ชื่อว่า Fitbit รองรับทั้งสมาร์ทโฟนหรือสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS เมื่อดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เปิด Bluetooth และแอพพลิเคชั่นเตรียมพร้อมเชื่อมต่อ
การใช้งานครั้งแรกจำเป็นต้องเสียบสายชาร์จเพื่อเปิดเครื่อง และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม จากนั้นเปิดแอพฯ Fitbit แล้วเลือกรุ่น Luxe แล้วทำตามขั้นตอนการเชื่อมต่อที่แนะนำบนหน้าจอเพียงไม่กี่ขั้นตอน จากนั้นจะมีการอัพเดท Firmware ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีก็สามารถใช้งานได้ทันที
สำหรับการเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา หรือ Clock Faces ก็มีมาให้เลือกถึง 20 แบบ แต่ยังไม่สามารถใช้ถ่าย หรือภาพอื่นๆ มาเป็นภาพพื้นหลังนาฬิกาได้ และหากต้องการเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาเป็นแบบอื่นๆ ก็จำเป็นที่จะต้องเปิดแอพฯ Fitbit เพื่อปรับเปลี่ยนหน้าปัดแบบใหม่ เพราะตัวเครื่องไม่สามารถบันทึก Clock faces เก็บไว้ได้
ตรวจจับความเครียด การเคลื่อนไหว อัตราการเต้นหัวใจ การนอนตลอด 24 ชม.
Fitbit Luxe มีระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันได้ตลอด 24 ชม. และด้วยความที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด สวมใส่สบาย น้ำหนักเบา สามารถใส่นอนได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด โดยระบบจะทำการเก็บข้อมูลการเดิน การนอน อัตราการเต้นของหัวใจ หรือแม้กระทั่งความเครียด สามารถกดดูได้จากหน้าจอได้ทันที ช่วยให้เรานำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ว่าในแต่ละวัน หรือแต่ละช่วงเวลาเราเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร
สำหรับการออกกำลังกายก็รองรับการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานมากถึง 20 แบบ อย่างเช่นการเดิน การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เทนนิส เป็นต้น โดย Fitbit Luxe จะทำการเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะมีระบบช่วยเตือนไม่ให้ออกกำลังกายหักโหมมากเกินไป ส่วนข้อมูลระยะทาง ความเร็วต่างๆ จะต้องอาศัย GPS ของสมาร์ทโฟน ซึ่งจะต้องพกติดตัวไปด้วย นอกจากนี้ยังกันเหงื่อ กันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร สามารถใส่ออกกำลังกายว่ายน้ำได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะเข้า
จุดแข็งของแอพฯ Fitbit นั่นก็คือการตรวจจับการนอนที่มีการวิจัย และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สามารถตรวจจับสถานะการนอนหลับได้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งตรวจจับการนอนได้อย่างละเอียด และเมื่อตื่นนอนก็จะมีคะแนนการนอนหลับโดยระบบจะอาศัยข้อมูลการนอนมาวิเคราะห์ให้เราทราบเป็นกราฟในขณะนอนหลับ รวมไปถึงการตรวจจับระดับออกซิเจนขณะนอนหลับอีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้ได้ทราบถึงสถานะสุขภาพของตัวเอง โดยสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการใช้ชีวิตประจำวันให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ส่วนฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ในขณะนี้ยังไม่มีให้ใช้งาน จะต้องอัพเดทในเวอร์ชั่นถัดไป หากซื้อไปใช้งานแล้วก็รออัพเดทได้เลย
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็มีระบบการบันทึก และแจ้งเตือนการดื่มน้ำ, ระบบช่วยแนะนำการหายใจแบบผ่อนคลาย, และสำหรับคุณผู้หญิงก็มีระบบคำนวนช่วงเวลาการมีรอบเดือนมาให้ด้วย เพียงแค่ใส่ข้อมูลส่วนตัวเข้าไปเท่านั้น
และสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็สามารถทดลองใช้ Fitbit Premium ได้ฟรีนานถึง 6 เดือน หากใช้งานแล้วประทับใจในสุขภาพที่ดีขึ้นก็สามารถจ่ายเงินเพื่อต่ออายุสมาชิกได้ทันที
บทสรุปจากความเห็นของ What Phone
Fitbit Luxe ถือว่าเป็นฟิตเนสแทร็คเกอร์ที่มีมความสวยงาม โดยเฉพาะสี Luna White / Soft Gold ที่ดูหรูหรา ดูไม่เหมือนกับสมาร์ทแทร็คเกอร์ทั่วไป มองดูเป็นเครื่องประดับเหมือนกำไรข้อมือทั่วๆ ไป แต่ภายในอัดแน่นไปด้วยเซ็นเซอร์ และฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ อยู่ในสายรัดข้อมือเล็กๆ เพียงเครื่องเดียว สามารถแจ้งเตือนโทรเข้า และแจ้งเตือนแอพฯ และข้อความต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ยังไม่รองรับข้อความภาษาไทย คาดว่าจะมีให้อัพเดทเร็วๆ นี้เช่นเดียวกับ Fitbit รุ่นก่อนๆ รวมไปถึงการวัดระดับออกซิเจนในเส้นเลือด หรือ SpO2 ที่น่าจะได้ใช้เร็วๆ นี้ ส่วนราคาเปิดตัวอาจจะสูงไปสักหน่อย อยู่ที่ 4,990 บาท แต่ถ้าหากซื้อมาเป็นเครื่องประดับ ใช้ตรวจวัดความเคลื่อนไหวของร่างกายแล้วนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว
สรุปสเป็ค และจุดเด่น
- ขนาด 36.30 x 17.62 x 10.05 มม.
- หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED สั่งงานด้วยระบบสัมผัส
- หน่วยความจำบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวได้นานสูงสุด 30 วัน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 วัน
- เซ็นเซอร์ตรจจับความเคลื่อนไหว 3 แกน, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) – (การใช้งาน SpO2 รออัพเดทเวอร์ชั่นถัดไป)
- เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth LE
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 8.0 ขึ้นไป และ iOS 13.3 ขึ้นไป
- กันน้ำลึก 50 เมตร
- มีระบบสั่นเตือนด้วยมอเตอร์
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
- ใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น Fitbit
- ราคา 4,990 บาท
