ในยุคที่อะไรก็เร่งรีบไปหมด การทำความสะอาดบ้านอาจจะเป็นงานที่เสียแรง เสียเวลา ในการลงมือทำ แต่ถ้าหากมีตัวช่วยอย่าง Mi Robot Vacuum-Mop 2 เสมือนเป็นแม่บ้านทำการดูดฝุ่น กวาด ถู ทุกครั้งที่กลับ บ้านก็จะสะอาด ปราศจากฝุ่นผง เดินเท้าเปล่าบนพื้นได้สบายใจโดยไม่ต้องกลัวว่าฝุ่นจะติดเท้า วันนี้ทีมงานได้เจ้าหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉะริยะรุ่นใหม่จาก Xiaomi มารีวิวให้ชมกัน มาแกะกล่องดูกันเลยครับ
แกะกล่องลองใช้ Mi Robot Vacuum-Mop 2
- Mi Robot Vacuum-Mop 2 สีขาว
- กล่องเก็บฝุ่นแบบถอดได้ พร้อมไส้กรองฝุ่น (บรรจุอยู่ในเครื่อง)
- กล่องบรรจุน้ำพร้อมผ้าถูพื้น
- แปรงกวาดฝุ่น 6 ทิศทาง
- แท่นชาร์จแบตเตอรี่
- สายไฟ AC
- แปรงปัดทำความสะอาด
เมื่อแกะกล่องออกมาจะมีอุปกรณ์บางส่วนประกอบอยู่ในเครื่องดูดฝุ่นเรียบร้อยแล้ว อย่างเช่นกล่องเก็บฝุ่น และไส้กรองฝุ่น แต่ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องประกอบเข้ากับตัวเครื่องคือแปรงกวาดฝุ่น และกล่องบรรจุน้ำที่มาพร้อมผ้าถูพื้น วิธีการประกอบแปรงปัดฝุ่นก็เพียงแค่นำไปเสียบเข้ากับตำแหน่งให้ถูกต้องโดยไม่ต้องขันน๊อตใดๆ ส่วนกล่องบรรจุน้ำเมื่อใส่น้ำจนเต็มก็สามารถเสียบเข้ากับตัวเครื่องได้ทันที คราวนี้มาดูส่วนสำคัญของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้กัน
ตัวเครื่อง Mi Robot Vacuum-Mop2 มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีน้ำหนักพอควร โดยเฉพาะเมื่อประกอบเข้ากับกล่องบรรจุน้ำถูพื้นเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีความบางกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมุดเข้าใต้โต๊ะ โซฟา หรือใต้เตียงได้ดีขึ้น ตัวหุ่นยนต์มีลักษณะเป็นวงกลม ตัวเครื่องเป็นสีขาวดูสะอาดตาตามสไตล์อุปกรณ์ IoT ของ Mi ที่ด้านบนของตัวเครื่องเราจะเป็นปุ่มการทำงานของตัวเครื่องเพียง 2 ปุ่ม นั่นก็คือปุ่ม Home และปุ่มเปิดปิดเครื่อง มีไฟบอกสถานะการทำงาน และแบตเตอรี่เป็นสีขาว และสีส้มเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ใกล้ๆ กันจะเห็นกล้องสำหรับถ่ายเพดานเพื่อทำแผนที่ในการทำความสะอาด ไม่สามารถนำไปใช้ถ่ายภาพใดๆ ได้
ที่ด้านบนนี้ยังมีฝาปิดกล่องกักเก็บฝุ่นโดยสามารถเปิดได้ง่ายๆ ตัวกล่องเก็บฝุ่นเป็นกล่องพลาสติกใส มองเห็นฝุ่นละออง และเศษขยะต่างๆ ที่เครื่องดูดขึ้นมาได้ ภายในกล่องยังมีตัวกรองฝุ่นอีกชั้นหนึ่งเพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองเล็ดรอดออกมาได้ สามารถถอดไปเคาะฝุ่นออก หรือใช้แปรงปัดฝุ่นที่แถมมาให้ในกล่องปัดทำความสะอาดก็ได้เช่นกัน
และใต้ฝาปิดด้านบนนี้ยังมีไฟบอกสถานะการทำงานของ WiFi เป็นสีฟ้า และมีปุ่ม Reset เครื่องเป็นปุ่มเล็กๆ ที่สามารถใช้เข็ม หรือคลิปหนีบกระดาษจิ้มลงไป 3 วินาทีเพื่อ Reset เครื่องได้
ด้านหน้าของตัวเครื่องเป็นแถบสีดำซึ่งจะมีอินฟราเรดเซ็นเซอร์ตรวจสอบวัตถุด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้เครื่องชนกับขอบกำแพง ขอบตู้ต่างๆ แต่หาก เซ็นเซอร์ตรวจจับไม่ได้อย่างเช่นขาโต๊ะ หรือขาเก้าอี้ก็ยังมีเซ็นเซอร์แบบกันชน พร้อมแถบยางที่ไม่ทำให้สิ่งของเป็นรอย
ด้านหลังของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีเพียงรูระบายอากาศจากการดูดฝุ่น ซึ่งจะมีแรงลมเบาๆ ออกมาจากช่องนี้
เมื่อพลิกตัวเครื่องออกมาก็จะพบกับเซ็นเซอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับพื้นผิวกันตก (Cliff Sensor) 4 จุด, Optical Sensor, หน้าสัมผัสโลหะกับแท่นชาร์จแบตเตอรี่, ช่องดูดฝุ่นพร้อมแปรงปัดฝุ่น (ถอดออกทำความสะอาดได้), ล้อหน้าแบบหมุนได้ทุกทิศทาง, ล้อขับเคลื่อน 2 ล้อ นอกจากนี้ส่วนหลังของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบแทงค์น้ำพร้อมผ้าถูพื้น สามารถถอดออกได้
แทงค์น้ำเป็นพลาสติกขุ่นใส มองเห็นระดับน้ำคงเหลือสำหรับถูพื้น สามารถบรรจุน้ำได้ประมาณ 250 ml มีปุ่มแรงดัน 2 ปุ่มช่วยกดให้ผ้าติดอยู่กับพื้น แทงค์น้ำนี้ยังสามารถใส่ผ้าถูพื้นที่มีมาให้ โดยด้านหนึ่งสามารถใส่ผ้าตามขอบร่องที่มีมาให้ และอีกด้านมีตีนตุ๊กแกสำหรับยืดติดผ้าเข้ากับแทงค์น้ำ สามารถถอดออกไปซักได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
สำหรับแท่นชาร์จก็จะมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป มีเซ็นเซอร์สำหรับสื่อสารกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเป็นแถบสีดำ เพื่อให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเข้ามาชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างแม่นยำ ด้านล่างของแท่นชาร์จมีแถบยางกันลื่น ช่วยให้ยึดติดกับพื้นไม่ให้ขยับเมื่อหุ่นยตต์ดูดฝุ่นเข้ามาชาร์จ ส่วนด้านข้างมีช่องเสียบสายไฟบ้านสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และสำหรับการใช้งานครั้งแรก เมื่อประกอบเครื่อง และเสียบสายไฟเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำ Mi Robot Vacuum-Mop2 มาวางชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนการใช้งาน
เชื่อมต่อกับแอพฯ Mi Home เพื่อสั่งงาน และดูสถานะการทำงาน
การใช้งานหากไม่ได้เชื่อมต่อกับแอพฯ Mi Home ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ เพียงแค่กดปุ่มเปิดเครื่องค้างไว้แล้วปล่อยให้เครื่องดูดฝุ่นทำงานได้ปกติ เหมาะกับผู้ใหญ่ที่ไม่ถนัดใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน แต่หากต้องการดูสถานะการทำงานต่างๆ ก็สามารถเชื่อมต่อกับแอพฯ ได้โดยดาวน์โหลดแอพฯ Mi Home ได้จากทั้ง Play Store สำหรับสมาร์ทโฟน Android หรือ AppStore สำหรับ iOS
เมื่อดาวน์โหลดแอพฯ เสร็จเรียบร้อยแล้วให้สมัคร หรือ Login ให้เรียบร้อยแล้วทำการเปิดเครื่องแล้วรอจนมีเสียงบอกให้เชื่อมต่อ จากนั้นทำการเพิ่มอุปกรณ์โดยเลือกให้ถูกรุ่น ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอโดยกด 2 ปุ่มพร้อมกันค้างไว้ 3 วินาที เสร็จแล้วไปที่เมนู WiFi ของสมาร์ทโฟน แล้วเลือกเชื่อมต่อ WiFi ของ Mi Robot Vacuum Mop-2 แล้วกลับไปที่แอพฯ จากนั้นรอทำการเชื่อมต่อประมาณ 1 นาทีแล้วตั้งชื่อก็สามารถใช้งานได้ทันที
ฟังก์ชั่นการทำงานอัจฉริยะ ของแอพฯ Mi Home
หลังจากที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น Mi Home เรียบร้อยแล้วก็สามารถกดสั่งงานได้จากหน้าจอสมาร์ทโฟนทันที โหมดการทำงานก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด โดยมีฟังก์ชั่นหลักๆ ในการทำงานให้เลือกเพียง 3 ฟังก์ชั่นเท่านั้น
- ฟังก์ชั่นเปิด/ปิดการทำงาน และสั่งกลับเข้าแท่นชาร์จ
- ฟังก์ชั่นการทำความสะอาด มีให้เลือก 4 ระดับ
- Silent – ดูดฝุ่นแบบเงียบสุด
- Standard – ดูดฝุ่นแบบธรรมดา
- Strong – ดูดฝุ่นแบบแรง
- Turbo – ดูดฝุ่นแบบแรงที่สุด
- ฟังก์ชั่นปรับระดับน้ำ
- Low – ระดับน้ำถูพื้นน้อยสุด
- Medium – ระดับน้ำถูพื้นปานกลาง
- High – ระดับน้ำถูพื้นแบบมากสุด
สำหรับการเลือกฟังก์ชั่นการทำงานก็มีผลกับการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ โดยหากเลือกการทำงานแบบ Silent ก็จะมีเสียงการทำงานที่ค่อนข้างเบา ประหยัดแบตเตอรี่ แต่อาจจะดูดฝุ่นได้ไม่สะอาดหมดจด หากเลือก Turbo ก็จะมีเสียงค่อนข้างดัง ใช้พลังงานมาก อาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว แต่ก็สะอาดกว่าแน่นอน ส่วนการเลือกปรับระดับน้ำมากน้อยก็อาจจะทำให้น้ำในแทงค์หมดเร็ว
ในหน้าจอการทำงานหลักยังมีแถบด้านบนยังบอกสถานะการทำงานด้วยว่าตัวเครื่องทำงานไปกี่นาที, ทำความสะอาดไปแล้วกี่ตารางเมตร, บอกระดับแบตเตอรี่ และที่หน้าจอกลางยังมีแผนที่การทำงานของ Mi Robot Vacuum-Mop 2 ซึ่งเกิดจากการจำลองแผนที่จากกล้องที่ติดอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง โดยสามารถวาดแผนที่ออกมาได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังจดจำแผนที่ได้อีกด้วย เราสามารถดูได้เลยว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่ที่ตำแหน่งไหนของบ้านแบบ Realtime และเมื่อสร้างแผนที่เสร็จเรายังสามารถกำหนดพื้นที่การทำงานแบบเฉพาะบนแผนที่ได้ และเมื่อทำความสะอาดเสร็จก็ยังส่งแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกสั่งงานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบังคับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นด้วยตัวเองเหมือนกับการเล่นรถบังคับ, ตั้งเวลา หรือตารางการทำงานอัตโนมัติ, ดูประวัติการทำความสะอาด, สั่งให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นส่งเสียงเมื่อหาไม่เจอ, ดูอายุการใช้งานคงเหลือของไส้กรองฝุ่น แปรงทำความสะอาด และนอกจากนี้ยังสามารถอัพเดท Fimware ของ Mi Robot Vacuum-Mop2 เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง หรือเพิ่มฟังก์ชั่นอื่นๆ (ถ้ามี) ในอนาคตได้
บทสรุปผลการทำความสะอาดของ Mi Robot Vacuum-Mop 2
จากการใช้งานมาสักระยะหนึ่งพบว่าการทำความสะอาดของ Mi Robot Vacuum-Mop2 รุ่นนี้มีประสิทธิภาพที่ดีมากๆ โดยเฉพาะการดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้หมดจรด เข้าถึงทุกซอกทุกมุม ทั้งใต้โต๊ะ เก้าอี้ หรือใต้โซฟาก็สามารถมุดเข้าไปทำความสะอาดได้อย่างน่าประทับใจ แต่ถ้าจะให้ดี ผู้ใช้ควรเก็บสิ่งของต่างๆ ที่อยู่บนพื้นให้เรียบร้อย เพื่อให้เครื่องทำความสะอาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนการถูพื้นนั้นถือว่าทำความสะอาดได้ดีเช่นกัน แต่ไม่สามารถเทียบกับการถูพื้นของคนเราอย่างแน่นอน อาจจะพูดได้ว่าระบบการถูพื้นของรุ่นนี้เป็นการเก็บฝุ่นที่ตกค้างจากการดูดฝุ่นก็ว่าได้ เพราะไม่สามารถขจัดคราบที่แห้งติดอยู่กับพื้นได้ดีนัก แต่ก็ถือว่าทำความสะอาดได้ดีพอสมควร โดยรวมแล้ว Mi Robot Vacuum-Mop2 เหมาะกับผู้ใช้ที่อยู่บ้าน, คอนโด, ออฟฟิศขนาดเล็ก-กลาง สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดขณะออกไปทำงานนอกบ้าน หรือขณะนอนหลับ ตื่นเช้ามาบ้านก็สะอาดเรียบร้อย พร้อมกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่กลับไปชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติที่แท่นชาร์จแบบเงียบๆ เพื่อสแตนด์บายรอการทำงานรอบถัดไป สำหรับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 8,499 บาท หากเทียบกับประสิทธิภาพการทำความสะอาด ฟังก์ชั่นการทำงานแบบอัจฉริยะทั้งหมดถือว่าค่อนข้างคุ้มค่า กับหุ่นยนต์ผู้ช่วยทำความสะอาดประจำบ้านเครื่องนี้
สรุปรายละเอียดสเป็ค และจุดเด่น
- ขนาด 353 × 350 × 81 มม., น้ำหนัก 3.6 กก.
- ตัวเครื่องบางเพียง 81 มม.
- กล่องเก็บฝุ่นขนาด 550 มิลลิลิตร
- แทงค์น้ำความจุ 250 มิลลิลิตร
- กำลังดูดฝุ่น 2700 Pa
- แบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh ทำงานได้นานสูงสุด 110 นาที
- เชื่อมต่อ Wi-Fi lEEE 802.11b/g/n 2.4 GHz
- เชื่อมต่อ และสั่งงานผ่านแอพฯ Mi Home
- สามารถจำลองแผนที่การทำงาน และจำกัดพื้นที่การทำงานได้
- มีเซ็นเซอร์กันชนด้านหน้า และเซ็นเซอร์กันตกบันใด
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant, Alexa