แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลก ด้านโซลูชั่นการสื่อสารและข้อมูลแบบบูรณาการ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชั่นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมแก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม รัฐบาล และลูกค้าองค์กรในกว่า 160 ประเทศ ล่าสุดตั้งสำนักงานและทีมงาน ZTE ในประเทศไทย ประกาศนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ ZTE เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะ 5G ในสมาร์ทโฟน ZTE สู่ผู้บริโภคในประเทศไทยครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ผนึกกำลัง 2 ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ ทั้งบริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด จากกลุ่ม เบญจจินดา ร่วมกันกระจายสมาร์ทโฟน ZTE ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 5% ภายใน 3 ปีจากนี้ ด้วยสมาร์ทโฟนทั้งจาก ZTE นูเบีย (Nubia) และ Redmagic พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ 5 รุ่น ZTE Blade A31plus, ZTE Blade A51, ZTE Blade V30 Vita, Axon 30 5G และ Redmagic 7 ราคาเริ่มต้นเพียง 2,599 บาท
มร.ชอว์น เผย์ ผู้จัดการทั่วไป โทรศัพท์มือถือประจำประเทศไทย แซดทีอี คอร์ปอเรชัน เปิดเผยว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา ธุรกิจเพื่อผู้บริโภค (Consumer Business) ของบริษัทฯ ทั้งโลก ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 กิจการหลัก นอกจากธุรกิจเกี่ยวกับผู้ให้บริการเครือข่าย (Operator Network) และธุรกิจเพื่อองค์กรรวมทั้งภาครัฐ เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 60% และทำรายได้จากการส่งผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศเติบโตได้เพิ่มขึ้นมากถึง 50% เพื่อการขยายตัวทางธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมีนโยบายขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่ ZTE มองเห็นโอกาสและศักยภาพสำหรับสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันแบบ นิวนอร์มอล
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจและ ZTE ให้ความสำคัญกับการเข้ามาเปิดตลาดในครั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะที่การสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสะท้อนได้ชัดเจนจากจำนวนผู้ใช้งานอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 15% ทุกปี และสัดส่วนผู้ใช้งานซื้อของออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือมีมากถึง 70% ประกอบกับการที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยต่างจัดแคมเปญส่งเสริมการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคสนใจใช้บริการบนเครือข่าย 5G จึงทำให้สมาร์ทโฟน 5G คุณภาพดี ในราคาที่เอื้อมถึงง่ายเป็นที่ต้องการในขณะนี้ ทั้งกลุ่มผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนก็เป็นเซ็กเมนต์ที่ยังมีความต้องการอยู่มาก เนื่องจากสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีอยู่ในตลาดยังขาดผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ” มร.ชอว์นกล่าว
ทิศทางในการดำเนินธุรกิจของสมาร์ทโฟน ZTE ในประเทศไทยมาพร้อมกับกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่จะผนึกกำลังกับแบรนด์สมาร์ทโฟนของบริษัทในเครือ ทั้ง ZTE นูเบีย (Nubia) และ Redmagic รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในอีโตซิสเต็มของ ZTE เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หลากหลาย พร้อมแผนการตลาดที่มีกลยุทธ์เพื่อสร้างแบรนด์ผ่านการสื่อสารการตลาดและการประชาสัมพันธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นอกจากนี้ ZTE ยังให้ความสำคัญกับการจัดจำหน่ายและช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งจะใช้การบริหารช่องทางแบบ Omni-Channel โดยได้เป็นพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายชั้นนำ 2 ราย คือ บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ในกลุ่ม เบญจจินดา ให้ร่วมกันช่วยกระจายสมาร์ทโฟน ZTE ครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ ทั้งนี้ ZTE ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน 2% ในปี 2565 นี้ และจะเพิ่มเป็น 5% ภายใน 3 ปีจากนี้
นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วีเอสที อีซีเอส ดำเนินธุรกิจเป็น “ดิสทริบิวเตอร์” สินค้าและโซลูชันไอทีชั้นนำของไทยมายาวนานกว่า 30 ปี โดยหนึ่งในสินค้าที่เราโฟกัส คือ กลุ่มโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ให้ความคุ้มค่าสูง สำหรับการจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้กับ ZTE ทาง วีเอสที อีซีเอสจะดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันตก กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจัดจำหน่ายผ่านทั้งช่องทางหน้าร้านดีลเลอร์และช่องทางออนไลน์ในพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทฯ มีดีลเลอร์ที่เป็นพันธมิตรในพื้นที่รับผิดชอบกว่า 7,000 ราย กลยุทธ์ของบริษัทฯ คือให้ความสำคัญกับการสร้างทีมงานที่เชี่ยวชาญ เพื่อให้โฟกัสการเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ รวมถึงสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้า และพยายามพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายปภาพรต ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายเอ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ YAS ในกลุ่มเบญจจินดา กล่าวว่า YAS ดำเนินธุรกิจเป็น “ดิสทริบิวเตอร์” กลุ่มโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน เป็นผู้จัดจำหน่ายทีมีประสบการณ์ยาวนานและครอบคลุมทุกช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศ ที่สำคัญมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่สอดคล้องกับการบุกตลาดของ ZTE ในประเทศไทย YAS ได้รับการแต่งตั้งให้จัดจำหน่ายและจัดส่งสมาร์ทโฟนให้กับ ZTE ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก กรุงเทพฯ และปริมณฑล รับผิดชอบทั้งการจัดจำหน่ายให้กับหน้าร้านขายโทรศัพท์มือถือและช่องทางออนไลน์ในพื้นที่ดังกล่าว รวมจำนวนพันธมิตรช่องทางจัดจำหน่ายในพื้นที่ดังกล่าวกว่า 3,500 ราย ด้วยความพร้อมของระบบการจัดการที่ได้มาตราฐานและทันสมัย ทีมงานที่มีคุณภาพและประสบการณ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรในพื้นที่ ประกอบกับตลาดยังขาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่มีคุณภาพ จึงเชื่อมั่นว่าจะสมาร์ทโฟนจาก ZTE จะได้รับการตอบรับจากตลาด โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน 5G และสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น
แซดทีอี คอร์ปอเรชัน มีความเชี่ยวชาญรวมทั้งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและสร้างการเปลี่ยนแปลง 5G ของโลก ซึ่งเป็นการวางรากฐาน สู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในภาพรวมของประเทศและโลก ในขณะที่อุปกรณ์ใช้งานบนเครือข่ายดังกล่าวอย่างสมาร์ทโฟนนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและเชื่อมต่อโลกออนไลน์เพื่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2541 ที่ได้เริ่มก่อตั้งทีมวิจัยและพัฒนาโทรศัพท์มือถือ ZTE จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์เพื่อทำให้สามารถเชื่อมต่อและไว้วางใจได้ทุกที่ และภารกิจเพื่อเชื่อมต่อโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ดีดว่า ให้ผู้ใช้ทั่วโลกสนุกไปกับการสื่อสารรอบด้าน ทั้งเสียง ข้อมูล มัลติมีเดีย และบรอดแบนด์ไร้สาย
พร้อมกันนี้ ZTE ได้เปิดตัว 5 สมาร์ทโฟน ใหม่ล่าสุด
- ZTE Blade A31 Plus จอใหญ่ขนาด 6 นิ้ว กล้องหลัก 8MP AI พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 3000mAh รองรับการชาร์จ 10W รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT หน่วยความจำภายใน RAM 2GB ROM 32 GB ราคา 2,599 บาท
2. ZTE Blade A51 จอใหญ่ขนาด 5 นิ้ว HD+ กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 13MP + 2MP พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 5MP แบตเตอรี่ 3200mAh รองรับการชาร์จ 10W รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT หน่วยความจำภายใน Ram 3GB ROM 64 GB ราคา 3,699 บาท
3. ZTE Blade v30vita จอใหญ่ขนาด 75 นิ้ว 90Hz ความละเอียด HD+ จอหยดน้ำ กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 48MP + 2MP AI พร้อม LED แฟลช กล้องหน้า 8MP แบตเตอรี่ 6000 mAh รองรับการชาร์จ 22.5W ชาร์จไว รองรับ Google Assistant 2 ซิม (Nano SIM) 4GLT รุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 4GB RAM 64 GB ราคา 4,999 บาท และรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 4GB RAM 128 GB ราคา 5,299 บาท
4. Axon 30 5G จอใหญ่ขนาด 92 นิ้ว FHD+ AMOLED ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon 870 ระบบปฏิบัติการ ZTE MyOS11 บน Android 11 กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64MP + 8 MP + 5MP + 2MP พร้อมแฟลช กล้องหน้า 16MP แบตเตอรี่ 4200 mAh รองรับการชาร์จไว 55W 2 ซิม (Nano SIM) 5G ซึ่งคาดว่าจะนำมาจำหน่ายทั้งรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 8GB RAM 128 GB และรุ่นหน่วยความจำภายใน ROM 12GB RAM 256 GB ราคาประมาณ 12,990 บาท และ 17,990 บาท ตามลำดับ
5. Redmagic 7 จอใหญ่ขนาด 8 นิ้ว มีความเร็วในการเปลี่ยนภาพของหน้าจอถึง 165Hz พร้อมความเร็วในการตอบสนองต่อการกดของหน้าจอที่ 720 Hz ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon 8 Gen 1 และมีระบบระบายความร้อนตัวเครื่อง แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 65W 2 ซิม (Nano SIM) ที่เหมาะกับสายเกมเมอร์ มี 3 รุ่น คือ รุ่น SUPERNOVA หน่วยความจำภายใน ROM 18GB RAM 256GB รุ่น PULSAR หน่วยความจำภายใน ROM 16GB RAM 256GB และรุ่น OBSIDIAN หน่วยความจำภายใน ROM 12GB RAM 128GB โดย Redmagic 7 มาจำหน่าย ราคาประมาณ 31,990 บาท 28,990 บาท และ 24,990 บาท ตามลำดับ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน ZTE: http://ztedevices.com