Apple เปิดให้ผู้ที่สนใจสั่งของ Vision Pro ในสหรัฐเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ขึ้นว่าสินค้าหมดและให้จองได้เรื่อยๆ แต่กำหนดส่งมอบก็เลื่อนออกไปเรื่อยๆ สำหรับคนที่จองทีหลัง โดยล่าสุดกำหนดส่งมอบอยู่ที่กลางเดือนมีนาคมแล้ว
ในเมื่อ Apple เริ่มเปิดให้จองสินค้ากันแล้ว ข้อมูลที่มากกว่าช่วงเปิดตัวแรกๆ ก็เริ่มตามมา รวมไปถึงบางข้อมูลที่ Apple เผยออกมาเองด้วยก็มี ได้แก่
Apple เปิด visionOS App Store แล้ว
แม้ว่า Vision Pro จะส่งมอบ และเริ่มวางจำหน่ายใน Apple Store วันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่ Apple เองก็เริ่มเปิดบริการ App Store บน Vision Pro แล้ว เพื่อให้นักพัฒนาสามารถกำหนดให้แอพตัวเองสามารถดาวน์โหลดได้บน visionOS App Store หรือไม่เพราะว่า visionOS รองรับการติดตั้งแอพจาก iOS / iPadOS ด้วย ยกเว้นแต่ว่าถ้าหากนักพัฒนากำหนดไม่ให้แอพดังกล่าวโชว์อยู่ใน visionOS App Store
สำหรับสำนักข่าวที่ได้เครื่องไปทดสอบระหว่างนี้ก็จะได้ลองดาวน์โหลดแอพของนักพัฒนาภายนอกมาลองใช้งานด้วย เพื่อที่จะใส่ลงไปในรีวิวที่จะเปิดเผยในภายหลัง
ที่มา – Mac Rumors
แอพสตรีมมิ่งที่จะรองรับบน Vision Pro ในวันแรกได้แก่…
Apple ลิสต์รายชื่อแอพสตรีมมิ่ง ทั้งหนัง ทีวีซีรีส์ และกีฬาที่จะรองรับการใช้งานบน Vision Pro ตั้งแต่วันแรกที่ส่งของให้กับผู้ใช้งานแล้ว รายชื่อมีทั้งรายใหญ่ที่คนไทยรู้จัก และรายใหญ่ของสหรัฐที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นชื่อมากนักเนื่องจากไม่ได้เปิดให้บริการในบ้านเรา
ทีวีสตรีมมิ่ง
- Disney+
- Max (HBO Max)
- Discovery+
- Amazon Prime Video
- Paramount+
- Peacock
- Pluto TV
- Tubi
- Fubo
- Crunchroll
- IMAX
- Tiktok
- Mubi
กีฬา
- ESPN
- MLB
- PGA Tour
- Red Bull TV
- MLS Season Pass (ต้องรับชมผ่าน Apple TV อีกทีหนึ่ง)
แน่นอนว่าถ้าใครตามข่าวกันมาก็จะทราบว่า Netflix ไม่ค่อยถูกกับ Apple ในระยะหลัง และปฏิเสธที่จะทำเวอร์ชันสำหรับ visionOS ออกมา แต่จะให้ดาวน์โหลดงานเวอร์ชัน iPad บน visionOS App Store แทน (ข่าวเก่า) แต่ถ้าใครอยากใช้บริการอื่นๆ (เช่น Disney+ Hotstar) ทาง Apple ก็ระบุว่ามี Safari ให้ใช้งาน เปิดเว็บแล้วรับชมผ่านเว็บได้เลย
นอกจากนี้จะมีหนังที่เป็น 3D ราวๆ 150 เรื่องให้ซื้อ หรือเช่าผ่านตัว Apple TV ด้วย เช่น Avatar: The Way of Water, Dune, Spider-man: Into the Spider-Verse หรือแม้กระทั่งเรื่องใหม่ๆ อย่าง The Super Mario Bros. Movie และจะมีคอนเทนต์พิเศษที่ทำมาเพื่อ Vision Pro โดยเฉพาะทั้งวิดิโอ 180 องศา 3D 8K เพื่อโชว์ความสามารถของ Spatial Audio ด้วย
ที่มา – Mac Rumors
Vision Pro จะใช้ชิป M2 รุ่นที่มี CPU 8 core, GPU 10 Core แต่ไม่รองรับ WiFi 6E
ชิป Apple M2 นั้นมีหลายรุ่นย่อยด้วยกัน สาเหตุก็เพราะคอมพิวเตอร์ที่ใช้ M2 มีตั้งแต่รุ่นพื้นฐานไปจนถึงรุ่นระดับโปรที่ราคาสูงระยับ ตอนนี้ยืนยันแล้วว่า M2 ใน Vision Pro จะมีซีพียู 8 คอร์ และจีพียู 10 คอร์ เหมือนกับที่อยู่ใน MacBook Air รุ่นใหม่
นอกจากชิป M2 แล้วใน Vision Pro ก็มีชิปตัวอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น R1 ที่ทำหน้าที่ประมวลผลภาพจากกล้อง เซนเซอร์ต่างๆ และไมโครโฟนด้วย สำหรับสเปคอื่นๆ นั้นระบุว่า Vision Pro รุ่นล่างสุดจะมี RAM 16GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB แต่ไม่ว่าความจุใดก็จะใช้เพียง WiFi 6 เท่านั้น ไม่รองรับ WiFi 6E แม้ว่าผลิตภัณฑ์ในระยะหลังของ Apple จะใช้งาน WiFi 6E กันแล้วก็ตาม
สำหรับเรื่อง WiFi 6E นี้ยืนยันจากเอกสารที่ส่งไปยัง FCC (กสทช สหรัฐ) ไม่มีการระบุว่า Vision Pro จะใช้งานความถี่ช่วง 6GHz ซึงเป็นความถี่ที่ใช้งาน WiFi 6E ทำให้อนุมานได้ว่าตัว Vision Pro จะรองรับเพียง WiFi 6 เท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Guest Mode และ Travel Modes
หมวก Vision Pro จะรองรับการใช้งาน Guest Mode เพื่อให้คนอื่นๆ ได้ลองใช้งานด้วย แต่ระหว่างที่เปิด Guest Mode ฟีเจอร์หลายๆ อย่าง และแอพบางตัวอาจจะใช้งานได้อย่างจำกัดมากๆ เช่นแอพ Photos หรือ Safariม การใช้ Autofill Passwords, การแก้ Passcode, ข้อมูลส่วนบุคคล, ใบหน้าบนจอหน้า และข้อมูลสุขภาพใน Health จะไม่สามารถเปิดใช้งานได้
ฟีเจอร์ Guest Mode เป็นข่าวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากพบโค้ดที่กล่าวถึงใน Xcode ใน visionOS Simulator โดยเมื่อเปิดใช้งานแล้ว ถ้าไม่มีการใช้งาน หรือนำหมวกไปสวมใส่ มันจะปิดเครื่องโดยอัตโนมัติในห้านาที
Travel Mode จะแตกต่างออกไป เมื่อผู้ใช้งานเปิดใช้งานแล้วภาพที่หน้าจอแสดงผลจะลดการสั่นไหวลง เมื่อไม่ทำให้ผู้ใช้งานเมารถ หรือเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม Apple ย้ำว่า Vision Pro ออกแบบมาเพื่อใช้งานระหว่างเป็นผู้โดยสาร ระหว่างที่ใช้อยู่ไม่ควรจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นพาหนะใดก็ตาม
ที่มา – Mac Rumors
Keyboard ยังใช้งานจริงไม่ได้ ระยะแรกควรใช้คีย์บอร์ด Bluetooth
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ Apple อวดเอาไว้ตั้งแต่ WWDC 2023 ก็คือการพิมพ์คีย์บอร์ดกลางอากาศ ทำให้การพิมพ์ข้อความไม่ยากเย็นนัก อย่างไรก็ตาม Mark Gurman เผยว่า Virtual Keyboard นั้นยังไม่พร้อมใช้งาน และในเวอร์ชัน 1.0 นั้นผู้ใช้งานควรหาคีย์บอร์ด Bluetooth มาใช้งานไปก่อน จนกว่าจะถึงวันที่ Apple หาทางทำให้คีย์บอร์ดใช้งานสะดวกกว่านี้
ที่มา – Mac Rumors
Apple อาจจะวางจำหน่าย Vision Pro นอกสหรัฐก่อนงาน WWDC 2024
ข่าวนี้เป็นการวิเคราะห์จาก Ming-Chi Kuo เจ้าพ่อข่าวลือเจ้าเก่าที่คาดว่า Apple น่าจะอยากพูดเรื่อง visionOS เป็นหลักในงานสัมนานักพัฒนาประจำปีที่ WWDC 2024 แต่ถ้านักพัฒนายังหาซื้อ Vision Pro ไม่ได้แล้วใครจะทำแอพลงได้ ทำให้คาดว่าการวางจำหน่ายในบางประเทศเพิ่มเติม (เช่นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อังกฤษ แคนาดา) ก่อนงาน WWDC เดือนมิถุนายน ซึ่งช่วงแรกนี้ที่วางจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐก็เพราะว่าผลิตของได้ค่อนข้างจำกัดเท่านั้นเอง ทาง Apple อยากจะขาย Vision Pro ในประเทศอื่นๆ ด้วยอยู่แล้ว
ที่มา – Mac Rumors
AppleCare+ ของ Vision Pro ราคาสูงถึง $499 ดอลลาร์สหรัฐ
Vision Pro ราคาไม่ต่างจากเครื่อง Mac ระดับบนที่แพงระยับเพื่องานโปรดักชันตัดต่อหนัง ทำให้ราคาของ AppleCare+ จึงไม่หนีห่างไปจากเครื่องตัดต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านั้น (ราคา AppleCare+ สูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับราคาต้นของสินค้า) โดยเมื่อซื้อแล้วจะได้สิทธิ์ซ่อมจากอุบัติเหตุไม่จำกัดครั้ง มีของชั่วคราวให้เปลี่ยนระหว่างรอซ่อม และบริการติดต่อ Apple Experts ตลอดเวลา (24/7)
ที่มา – Mac Rumors