เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับเวอร์ชั่นใหม่ iOS 8 ในงาน WWDC 2014 เมื่อคืนที่ผ่านมา สำหรับ iOS 8 มีการปรับปรุงและพัฒนาต่อจาก iOS 7 ให้ดีขึ้นโดยการเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆเข้ามาอีกมากมาย เพื่อให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆนั้นสะดวกสะบายขึ้น เรามาดูกันครับ ว่า iOS 8 มีฟีเจอร์ใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
Photos
มีการปรับปรุงเกี่ยวกับ Photos หรือ รูปภาพขนานใหญ่ โดยเพิ่ม iCloud Photo Library เข้ามา เพื่อให้ผู้ใช้งาน iOS นั้นสำรองข้อมูลรูปภาพขึ้นไปยัง iCloud โดยไม่ต้องกังวลว่ารูปภาพของเราจะหายไปตอนอัพเดตระบบปฏิบัติการ หรือเผลอไปทำอะไรไม่รู้ และ iCloud Photo Library ยังสามารถใช้งานได้บน iOS Device และสามารถปรับแต่งรูปภาพที่เครื่องใดเครื่องนึง และจะทำการซิงค์รูปภาพที่แก้ไขแล้วไปทุกเครื่องด้วย
iCloud Photo Library ให้ใช้งานสำรองข้อมูลรุปภาพฟรี 5GB หากเพิ่มเติมนอกจากนี้จะต้องจ่ายเป็นรายเดือน รายเดือนเริ่มที่ $0.99 ดังนี้
- 5GB แรก ฟรี
- 20GB ราคา $0.99/เดือน
- 200GB ราคา $3.99/ เดือน
- และมีพื้นที่ให้เลือกสูงสุด 1TB แต่ไม่ได้แจ้งราคาไว้
ไม่เพียงแต่เพิ่ม iCloud Library เข้ามา แต่ตัว Photos เองยังได้รับการพัฒนาด้านการตกแต่งรูปภาพให้ใช้งานได้มากขึ้น ละเอียดมากขึ้นอีกด้วย ได้แก่ การปรับองศาของรูปภาพ(Smart composition tools), การปรับแต่งแสง สี(Smart adjustments) ใส่ฟิลเตอร์ให้กับรูปภาพ
และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ไมไ่ด้พูดบนเวทีในงาน WWDC 2014 ด้วย นั่นก็คือ Time-lapse videos ให้คุณถ่ายรูปภาพแล้วนำมารวมกันเป็นวิดีโอชิ้นใหม่ ได้ โดยเข้าโหมดกล้องและเลื่อนไปที่โหมด Time-lapse
Messages
ฟีเจอร์ต่อมาที่ทาง Apple ปรับปรุงก็คือด้านข้อความหรือ iMessage นั่นเอง จากที่เคยส่งกันได้แค่ข้อความ ใน iOS 8 สามารถส่งเสียงไปได้แล้ว ตอบโต้สะดวกด้วยฟีเจอร์ Tap to talk แตะแล้วพูดได้ทันที
นอกจากนี้ยังสามารถส่งวิดีโอ, แชร์สถานที่, ส่งรูปภาพครั้งละหลายๆรูปได้ สำหรับ iMessage นี้ก็ยังเพิ่มการสนทนาแบบกลุ่มอีกด้วย
Design
มีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ในด้านการใช้งานต่างๆ มาดูกันเลยครับว่า iOS 8 นี้ จะปรับปรุงอะไรบ้าง
เพิ่มฟีเจอร์ Interactive notifications สามารถโต้ตอบกับการแจ้งเตือนได้ทันที เช่น ถ้าเป็น Facebook ก็สามารถเลือก Like หรือ Comment จากการแจ้งเตือนเลยได้
นอกจากนี้ยังเพิ่มบุคคลสำคัญในหน้า Multi-tasking หลังจากกดปุ่ม Home 2 ครั้งแล้ว สามารถติดต่อบุคคลต่างๆที่เราทำการ Favorites ไส้ได้ทันที หรือจะเป็นบุคคลที่เพิ่งติดต่อไปได้ด้วย
มีการปรับปรุงในส่วนของ Mail ให้ใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปาดไปทางขวาเพื่อเลือก Mark as read หรือปาดไปทางซ้ายเพื่อเลือกตัวเลือกอื่นๆ
ปรับดีไซน์ Safari ใหม่บน iPad ทั้งหน้า tab และแถบ History, Bookmark
Keyboard
ปรับปรุงและเพิ่มเติมอีกครั้งสำหรับคีย์บอร์ดใน iOS 8 โดยการเพิ่มฟีเจอร์ QuickType เข้ามา ไม่เหมือนกับระบบ Auto-Correction แบบเดิม แต่จะเป็นการเดาคำต่อไปที่เราจะพิมพ์ โดยจะมีตัวเลือกมาให้เราเลือกเลย และที่สำคัญ รองรับการใช้งานกับภาษาไทยด้วยนะ
นอกจากนี้ Apple ยังเปิดให้นักพัฒนาทำคีย์บอร์ดเพิ่มเติมบน iOS 8 ได้แล้วนะครับ
Family Sharing
Family Sharing เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 8 สำหรับผู้ปกครองที่ให้ลูกหลานในบ้านใช้งาน iDevices ทั้งหลาย สามารถแชร์นัดหมาย, รูปภาพ, เพลง, วิดีโอ ให้กับสมาชิก Family Sharing ดูร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำคัญสำหรับครอบครัวก็คือดูตำแหน่งของแต่ละคนในแผนที่ได้
และสามารถผูกบัตรเครดิตบัตรเดียวเพื่อซื้อแอพฯ แต่ก่อนกดซื้อจะมีการแจ้งเตือนขึ้นมาให้ถามกับเจ้าของบัตรหรือเครื่องที่เป็นผู้ปกครองว่าจะอนุญาตหรือไม่
iCloud Drive
Apple ทำบริการ Cloud Storage ออกมาซักพักแล้ว นั่นก็คือ iCloud แต่ทว่ามีให้ใช้งานแค่บน Mac และ iOS เท่านั้น ล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัว iCloud Drive ที่มีให้ใช้งานบน Windows ด้วย สำหรับการเขื่อมต่อไฟล์ต่างๆไปทุกที่ที่ติดตั้ง iCloud Drive งานนี้คงกะจะแข่งกับ Google Drive และ OneDrive กันโดยตรงเลย
Spotlight
ใน iOS 8 ยังมีการปรับปรุงสำหรับการค้นหาให้ง่ายขึ้นและสะดวกกว่าเดิม โดยไม่เพียงการค้นหาแค่ในตัวเครื่องเท่านั้น ยังมีการค้นหาข้อมูลจากที่ต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย เช่น Wikipedia, Nearby places, News, iTunes Store, App Store, iBooks Store, Movie showtimes, Suggested websites และสามารถใช้การค้นหาแบบนี้บน Safari ได้
Health
เป็นอีกฟีเจอร์ที่ตามกระแส Healthy กันในช่วงนี้ โดยจะมาพร้อมกับ iOS 8 สำหรับ Health จะคอยเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหว, การนอนหลับของเรา และสามารถเก็บข้อมูลทางการแพทย์ของเราเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินได้ด้วย ทาง Apple ยังมีการทำ HealthKit เพื่อให้นักพัฒนานำไปใช้กับแอพฯอื่นๆ ได้เพิ่มเติม
Health ถือเป็นอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจว่าในอนาคตจะสามารถใช้งานร่วมกับแอพฯไหนได้บ้าง ที่แน่ๆ ใช้งานร่วมกับ Nike+ Move ได้แน่นอน เพราะมีการโชว์ภาพหน้าจอบนเวที่ในงาน WWDC 2014 ด้วย
Continuity
ฟีเจอร์นี้ดูเหมือนว่า Apple จะเน้นเป็นพิเศษ โดยจาก Keynote ในงานเมื่อคืนแล้ว จะแสดงให้เห็นการสลับใช้งานบน Mac กับ iPhone และ iPad ไปมาอยู่บ่อยครั้ง เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างยิ่ง เช่นเราพิมพ์ค้างไว้อยู่บน Mac เมื่อไปที่อื่น เราสามารถหยิบ iPad ขึ้นมาพิมพ์บทความที่ค้างต่อไว้ได้ทันที เพื่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็นคนละ Device ก็ตามโดยเราจะเรียกฟีเจอร์นี้ว่า Handoff
Continuity ยังสามารถใช้ iPad หรือ Mac โทรออกหรือรับสายและคุยสายแทน iPhone ได้ เรียกได้ว่าทำให้ผู้ใช้งานสะดวกมากขึ้น และใช้งานร่วมกับระหว่าง Mac และ iDevices ได้มากขึ้น
สามารถดู SMS หรือ MMS ที่อยู่บน iPhone มาดูบน iPad หรือ Mac ได้ และสามารถพิมพ์โต้ตอบจาก iPad หรือ Mac ได้เลย
Widgets
Apple ได้เปิดให้นักพํมนาสามารถทำ Widget แอพฯของตัวเองเพื่อให้ใช้งานใน Notifications Center ได้
App Store
มีการปรับปรุงดีไซน์อีกเล็กน้อย สามารถค้นหาและดูแอพฯต่างๆได้ง่ายขึ้น และทาง Apple ยังให้นักพัฒนาสามารถเพิ่มวิดีโอพรีวิว (App previews) ลงไป เพื่อให้ผู้ใช้งานดูก่อนตัดสินดาวน์โหลดหรือซื้อแอพฯเหล่านั้น และมีฟีเจอร์ App bundle เป็นการเหมาซื้อหลายๆแอพฯราคาประหยัด และเปิดให้นักพัฒนาปล่อยแอพ Beta เพื่อให้ผู้ใช้ทดสอบก่อนด้วย
Siri
เพิ่มดิกชันนารีเข้ามาใหม่อีก 22 ภาษา และขณะชาร์จไฟอยู่ เราสามารถเรียกใช้งาน Siri ได้เลย ด้วยคำว่า Hey, Siri และทำงานร่วมกับ Shazam ในการค้นหาเพลง และสามารถซื้อเพลงจาก iTunes ได้เลย
นอกจากนี้ Apple ยังปล่อยชุดพัฒนาให้กับเหล่านักพัฒนานำไปใช้งานกับแอพฯของตัวเอง เพื่อให้เข้ากับฟีเจอร์ใหม่ๆของ iOS 8 และเพื่อให้ผู้ใช้งานทั้งหมด ได้รับความสะดวกและการใช้งานได้เต็มที่มากขึ้น
โดยจะเปิดให้นักพัฒนาใช้งาน Touch ID ร่วมกับแอพฯได้ และที่ใหม่ก็มี HomeKit ให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพฯบน iOS 8 เพื่อควบคุมกับอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านได้ ตรงนี้ต้องรอดูในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
Apple ยังมีการปล่อยชุดพัฒนาเกี่ยวกับตัวเกม เช่น Metal ที่จะช่วยให้กราฟิกสวยงามและสมจริงมากขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับฟีเจอร์ใหม่ๆที่จะมาใน iOS 8 คาดว่าจะปล่อยให้ผู้ใช้งานอัพเกรดกันในช่วงเดือนกันยายนปีนี้ มาดูกันว่ามีรุ่นไหนที่วามารถอัพเกรดเป็น iOS 8 ได้บ้างครับ