ในช่วงปลายปี 2025 แบรนด์ต่างๆ ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนของไปกันหมดแล้ว และปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีการแข่งขันสูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ กับราคาที่ไม่ต้องจ่ายแพงเหมือนก่อน และในปีนี้ทีมงานเราได้คัดเลือกสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าที่สุดของปี โดยในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมามี Xiaomi 15T Pro เป็นรุ่นที่โดนใจทีมงานมากที่สุด ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน และเทคโนโลยีที่คุ้มค่าที่สุดในสมาร์ทโฟนเรทราคาเดียวกัน แต่ราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า เราจึงขอยกให้เป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2025 มาดูกันว่ามี 5 เหตุอะไรบ้างที่ทำให้ทีมงานเราประทับใจได้ขนาดนี้ มาเริ่มกันที่ข้อแรกเลย
เหตุผลข้อแรก สมาร์ทโฟนกล้อง Leica Pro Imaging Flagship พร้อมอัพเกรดเลนส์ Telephoto 5x รุ่นแรกใน Xiaomi T Series
Xiaomi 15T Pro ยังคงพัฒนากล้องและเลนส์ที่ร่วมกับ Leica แบรนด์ระดับตำนานจากเยอรมนีอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ทำให้ซีรี่ย์นี้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายก็สามารถถ่ายภาพได้ในระดับมืออาชีพ เซ็นเซอร์กล้องความละเอียดสูงสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน ทั้งในแง่ของสีสัน ความคมชัด และการจัดการแสงที่ยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่สวยงามได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในที่แสงสว่าง หรือสภาพแสงน้อย Xiaomi จึงกล้ายกให้ 15T Pro เป็น “เรือธงด้านการถ่ายภาพระดับมืออาชีพของ Leica (Pro Leica Imaging Flagship)” พร้อมระบบประมวลผลภาพขั้นสูงที่สุด Xiaomi และ Leica มีในขณะนี้


นอกจากนี้ Xiaomi ยังอัพเกรดกล้องเทียบชั้นสมาร์ทโฟน Flagship ด้วยการเพิ่มเลนส์ Telephoto 5x ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลตัวแรกในซีรีส์ T ที่ให้การซูมแบบออปติคอล 5 เท่าระยะโฟกัส 115 มม. พร้อมความสามารถในการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 10 เท่า และ UltraZoom สูงสุด 20-100 เท่า ไม่ว่าจะซูมคอนเสิร์ต, ซูมนก หรือซูมอะไรไกลแค่ไหน ภาพที่ได้ก็จะคมชัดกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันทั้งหมด

ในส่วนของกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซลก็มาพร้อมเลนส์ Leica Summilux ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ Aspherical 7 ชิ้น ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ Light Fusion 900 Image Sensor ขนาดใหญ่ 1/1.31 นิ้ว ไดนามิกเรนจ์สูง จึงช่วยให้รับแสงได้มากขึ้น และยังมีเทคโนโลยี Dual ISO Fusion Max ขยายช่วงไดนามิกที่มีประสิทธิภาพเป็น 13.5EV จึงทำให้สามารถเปิดรับแสงที่สมดุลทั้งในส่วนที่สว่างและส่วนมืด
ตัวอย่างภาพถ่าย






ตัวอย่างภาพถ่ายในระยะซูมต่างๆ

ระยะซูมภาพ 1.5x

ระยะซูมภาพ 5x

ระยะซูมภาพ 10x

ระยะซูมภาพ 30x

ระยะซูมภาพ 60x

ระยะซูมภาพ 100x
เหตุผลข้อที่ 2 บันทึกวิดีโอระดับ Pro-grade video recording
อยากบันทึกวิดีโอแบบมือโปร ไม่จำเป็นต้องใช้สมาร์ทโฟน Flagship ราคาแพงอีกต่อไป Xiaomi 15T Pro ให้การถ่ายวิดีโอระดับภาพยนตร์ Pro-Grade Video Recording ที่ครบครันในสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ด้วยความสามารถในการบันทึกวิดีโอ 8K 30FPS ที่ให้ความละเอียดสูงเป็น 4 เท่าของ 4K หรือจะบันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ 4K สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาทีสำหรับภาพเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลและสโลว์โมชันระดับภาพยนตร์ รวมถึง 4K 10-bit Log สำหรับการตัดต่อขั้นสูงและ HDR10+ ที่ครอบคลุมทุกเลนส์ให้สีสันและคอนทราสต์สดใสทันทีโดยไม่ต้องปรับแต่ง

ครีเอเตอร์จะได้รับประโยชน์จากรายละเอียดสูงสุดที่พร้อมรับอนาคตและอิสระในการปรับเฟรมภาพด้วยความละเอียด 8K พร้อมความยืดหยุ่นระดับภาพยนตร์จากการบันทึก 10-bit Log ที่ช่วยให้เกรดฟุตเทจได้เหมือนการผลิตภาพยนตร์ ขณะที่ HDR10+ มอบวิดีโอที่สมบูรณ์แบบสำหรับเวิร์กโฟลว์แบบ “ถ่ายและแชร์” โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการปรับแต่งที่ซับซ้อน
ตัวอย่างคลิปวิดีโอความละเอียด 4K 60 เฟรมต่อวินาที
เหตุผลข้อที่ 3 หน่วยประมวลผล Dimensity 9400+ แรงระดับแฟลกชิป ทำคะแนน Antutu ทะลุ 2.7 ล้าน
หัวใจสำคัญของ Xiaomi 15T Pro นั่นก็คือหน่วยประมวลผล Dimensity 9400+ ความเร็ว 3.73 GHz ที่เร็วแรงในอันดับต้นๆ เทียบชั้นสมาร์ทโฟนระดับ Flagship ในราคาเพียงสองหมื่นต้นๆ ด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตที่ 3 นาโนเมตร ดีไซน์ All-Big-Core รองรับการทำงานหนักๆ ทั้งการเล่นเกม ประมวลผลภาพ ตัดต่อวิดีโอ พร้อม NPU 890 ขั้นสูงสำหรับการใช้งาน AI ผสานการทำงานร่วมกับ RAM LPDDR5X และพื้นที่เก็บข้อมูล UFS 4.1 ทำให้รับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผล กับหน่วยความจำได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีพื้นผิวระบายความร้อนขนาดใหญ่ที่สุดใน T Series โครงสร้างแบบ Dual-channel IceLoop ช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีกว่าเดิม สามารถใช้งานได้ลื่นไหล ไม่มีสะดุด

การทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลเราได้ทำการทดสอบด้วยแอปฯ Antutu เวอร์ชั่น 11.0.6 ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เราใช้ทดสอบเป็นประจำ สามารถทำคะแนนได้สูงถึง 2,780,889 คะแนน เทียบชั้นสมาร์ทโฟนระดับ Flagship ได้เลยทีเดียว รองรับการใช้งานได้ครบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือการเล่นเกมที่มีกราฟฟิคหนักๆ ก็ใช้งานได้อย่างลื่นไหล เต็มประสิทธิภาพ

สำหรับการเล่นเกมก็มีโหมด Game Turbo ที่จะช่วยจัดการทรัพยากรในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล และหน่วยความจำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล สามารถปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง, บันทึกหน้าจอขณะเล่นเกม และเปลี่ยนเสียงพูดของเราขณะเล่นเกมได้อีกด้วย

และอีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ หน้าจอขนาดใหญ่ 6.83 นิ้วที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อน ขอบจอบางเพียง 1.5 มม. ผลิตด้วยกระบวนการ LIPO แบบเดียวกับการผลิตหน้าจอสมาร์ทโฟน Flagship ใช้วัสดุเรืองแสง M9 เจเนอเรชันใหม่พร้อมโครงสร้าง Dual-Microgravity ที่ลดการใช้พลังงาน 11.8% ให้ความสว่างสูงถึง 3200 นิต (ความสว่างเต็มหน้าจอ 1800 นิต) คมชัดแม้ในแสงแดดจ้า

หน้าจอความละเอียด 1.5K (2772×1280 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรช 144Hz พร้อมการตอบสนองการสัมผัส 2560Hz ให้ภาพลื่นไหลและตอบสนองฉับไว มาตรฐานสีระดับมืออาชีพด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ 5,000,000:1, ช่วงสี P3 100%, 12 บิต และการปรับเทียบ ΔE ≈ 0.37 รองรับ Dolby Vision และ HDR10+ พร้อมการหรี่แสง DC แบบเต็มช่วงและการปรับความสว่างอัตโนมัติ 16,000 ระดับ ได้รับการรับรอง TÜV Rheinland สามระดับเพื่อลดความเมื่อยล้าของดวงตา

เหตุผลข้อที่ 4 ชาร์จเร็ว 90W Hypercharge เต็มใน 36 นาที พร้อมรองรับชาร์จไร้สาย 50W
Xiaomi 15T Pro มาพร้อมระบบจัดการแบตเตอรี่ Surge ที่ประกอบด้วยชิปเซ็ตชาร์จ P3 และชิปเซ็ตจัดการแบตเตอรี่ G1 พร้อมการป้องกันความปลอดภัย 64 รายการ แบตเตอรี่ความจุสูง 5500mAh ที่ถือว่ามีความจุมากที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน Xiaomi ใช้งานหนักได้นาน 1.4 วัน หรือใช้งานต่อเนื่อง 15.3 ชั่วโมง ตัวแบตเตอรี่มีความทนทานเมื่อใช้งานจนถึง 1,600 รอบก็จะยังคงความจุเหลือ 80% รองรับ 90W HyperCharge แบบมีสาย (เต็ม 36 นาที) และ 50W แบบไร้สาย (เต็ม 56 นาที) ให้ประสบการณ์การชาร์จเร็วแบบไร้สายเหมือนกับสมาร์ทโฟน Flagship สามารถชาร์จในสภาวะอุณหภูมิต่ำถึง -25°C เมื่อต้องใช้งานในเมืองหนาวก็ไม่มีปัญหาสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

เหตุผลข้อที่ 5 เทียบสเปกหมัดต่อหมัดแล้ว Xiaomi 15T Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าที่สุด
ต้องบอกเลยว่า Xiaomi 15T Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องที่สุดในตลาด และยังมีราคาประหยัดที่สุดเมื่อเทียบสเปก ไม่ว่าจะเป็นกล้องเทคโนโลยี Leica มาพร้อมเลนส์ Telescope 5x ซูมได้ไกลสุดๆ รุ่นเดียวในตลาดที่จำหน่ายในราคานี้ รองรับการถ่ายภาพในทุกระยะในเครื่องเดียว หน่วยประมวลผลที่เร็วแรงเทียบเท่าสมาร์ทโฟน Flagship ในราคาระดับ 3-4 หมื่นบาท หน้าจอแสดงผลระดับโปรแสดงสีสันได้สวยงาม มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว และรองรับชาร์จแบบไร้สายรุ่นเดียวในราคาระดับนี้ ทั้งหมดนี้วางจำหน่ายในราคาเพียง 21,990 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับ Flagship ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้

Xiaomi 15 T Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, Gray, และ Mocha Gold รุ่นความจุ 12GB + 1TB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาทและรุ่นความจุ 12GB + 512GB วางจำหน่ายในราคา 21,990 บาท ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ mi.com, Shopee, Lazada, และ TikTok Shop