Fibit ประกาศเปิดตัวอุปกรณ์ฟิตเนส wearable devices รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมด 3 ตัวรวด นั่นก็คือ นาฬิกาอัจฉริยะ Fitbit Surge (Fitbit เรียกรุ่นนี้ว่าเป็น superwatch), สายรัดข้อมือ Fitbit Charge และสายรัดข้อมืออีกรุ่น Fitbit Charge HR
Fitbit Charge – เป็นรุ่นพัฒนาต่อเนื่องมาจาก Fitbit Force ซึ่งมีฟีจอร์หลักๆนั้นดึงเอามาจาก Fitbit Force ทั้งหมด มีหน้าจอ OLED และมีการเพิ่มฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ Fitbit Charge ยังผลิตด้วยยางแบบนิ่มพิเศษพร้อมลวดลาย สามารถใช้งานได้ยาวนาน 7 วันเช่นเคย มีทั้งหมด 4 สี คือ สีดำ, สีเทา, สีน้ำเงิน และสีม่วงแดง (Burgundy)
Fitbit Charge HR – เป็นรุ่นอัพเกรดของ Fitbit Charge เพิ่มเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งช่่วยให้ผู้สวมใส่สามารถรู้ระดับ heart rate zone ของตนเองขณะออกกำลังกายได้ ซึ่งสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ไม่ชอบคาดสายวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบคาดอกนั่นเองครับ สำหรับแบตเตอรี่ของ Fitbit Charge HR จะมีอายุการใช้งานได้นาน 5 วัน (ลดลงมาเพราะมีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจนั่นเอง) แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ยาวนานทีเดียว มีทั้งหมด 4 สี คือ ดำ, ชมพู, ฟ้า, ส้ม
Fitnit Surge – ไฮไลท์ของ Fitbit คือนาฬิกาอัจฉริยะ Fitbit Surge นั่นเอง โดย Fitbit เรียกรุ่นนี้ว่าเป็น superwatch มาพร้อมฟีเจอร์ทั้งหมดของ Fitbit Charge HR และยังติดตั้ง GPS มาให้ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับนักวิ่งหรือสิงห์นักปั่นที่ต้องคอยตรวจสอบระยะทางของตนเองตลอดเวลา และที่สำคัญยังวัดอัตราการเต้นของหัวใจไปได้ตลอดด้วย โดย Fitbit Surge นั้นมาพร้อมกับหน้าจอทัชสกรีน (monochrome LCD ประหยัดพลังงาน), สามารถควบคุมเครื่องเล่นเพลงได้บนหน้าจอของ Fitbit Surge, มีระบบแจ้งเตือนสายโทรเข้า และระบบแจ้งเตือนข้อความ มีเซนเซอร์ทั้งหมด 8 ตัว จุดเด่นที่น่าสนใจของ Fitbit Surge คือสามารถสวมใส่ได้ยาวนานถึง 7 วันต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ซึ่งถือว่านานกว่านาฬิกาฟิตเนสแบบมี GPS เรือนอื่นๆในท้องตลาดครับ มีทั้งหมด 3 สี คือ ดำ, ฟ้า, ส้ม
![Fitbit Surge -2[3]](https://whatphone.net/wp-content/uploads/2014/10/fitbit-surge-23.png "Fitbit Surge -2[3]")
Fitbit Charge มีราคาขาย 129 เหรียญ ส่วน Fitbit Charge HR นั้นจะวางขายที่ราคา 149 เหรียญ และ Fitbit Surge จะมีราคาขายที่ 249 เหรียญ และจะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในปี 2015 ครับ
