Apple iPhone 6 Plus
ในปีนี้ iPhone ก็ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 8 ซึ่งเชื่อว่าทุกท่านคงจะรู้กันแล้วว่าคราวนี้ Apple ได้เปิดตัว iPhone ออกมา 2 รุ่น ได้แก่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่ง WhatPhone ฉบับนี้ได้เลือกเอาพี่ใหญ่อย่าง iPhone 6 Plus มารีวิวกันก่อน โดยเจ้า iPhone 6 Plus นั้นได้มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่แบบไม่เกรงใจ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ล่วงลับ กับการเพิ่มขนาดหน้าจอขึ้นมาเป็น 5.5 นิ้ว ตามเทรนด์ปัจจุบัน ที่ผู้คนสามารถเข้าถึงมัลติมีเดียต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกมากขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนจอใหญ่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วของ iPhone 6 Plus นั้นนอกจากจะใหญ่ขึ้นแล้วยังได้เพิ่มความละเอียดเป็นแบบ Full HD 1080p ที่ 401 ppi ให้ความคมชัดเนียนตามากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ เน้นขอบตัวเครื่องที่โค้งมนมากยิ่งขึ้น
สำหรับขุมพลังภายในของ iPhone 6 Plus นั้นจะถูกขับเคลื่อนด้วยชิป Apple A8 ที่มี CPU Dual-core ความเร็ว 1.4 GHz พร้อม RAM 1 GB ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขของสเปคคงจะเอาไปเทียบกับสมาร์ทโฟนตัวท็อปจากทางฝั่ง Android แทบไม่ติด แต่จากการใช้งานต้องยอมรับว่าระบบ iOS นั้นมีความเสถียร และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรเครื่องมากเท่าสมาร์ทโฟนจากทางฝั่ง Android อีกทั้งสถาปัตยกรรมของ CPU ก็เป็นแบบ 64 bit ที่รองรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยความเร็วที่มากขึ้น พร้อมชิป M8 ซึ่งแยกออกมาช่วยทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลด้านการเคลื่อนไหวเพื่อใช้งานร่วมกับแอพฯ แสดงผลข้อมูลการออกกำลังกาย และข้อมูลด้านสุขภาพอย่าง Health ซึ่งถูกเพิ่มเข้ามาใน iOS 8 นอกจากนี้คอเกมทั้งหลายคงไม่ต้องเป็นห่วงกับชิปกราฟิก PowerVR GX6450 แบบ Quad-Core ที่ช่วยให้ iPhone 6 Plus สามารถรันเกม 3D กราฟิกสวยๆ ได้อย่างลื่นไหล คมชัด
Physical Overview
Apple iPhone 6 Plus มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p ประกบด้วยกระจกหน้าจอทนรอยขีดข่วน ที่มีขอบกระจกโค้งมนรับกับขอบด้านข้างของตัวเครื่องซึ่งมีดีไซน์ที่โค้งมนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้เคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือบนหน้าจอ ที่ด้านบนของขอบจอเป็นตำแหน่งจัดวางช่องลำโพงสนทนา และกล้อง FaceTime ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
ด้านล่างของหน้าจอ iPhone 6 Plus ยังคงเป็นตำแหน่งของปุ่ม Home ที่คุ้นเคย พร้อมรองรับการใช้งาน Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอ หรือ ซื้อแอพฯ จาก App Store ซึ่งได้กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานที่มีมาตั้งแต่สมัย iPhone 5s
ขอบด้านซ้ายของ iPhone 6 Plus มีการจัดวางปุ่มกดเหมือนกับ iPhone รุ่นก่อนๆ ไล่ลงมาตั้งแต่ด้านบนจะพบกับสวิตช์เปิด-ปิดเสียง ถัดลงมาคือปุ่ม Volume +/- สำหรับปรับเพิ่ม/ลดเสียง
ด้วยขนาดของตัวเครื่องที่ใหญ่ขึ้น ปุ่ม Power, Sleep/ Awake ของ iPhone 6 Plus จึงถูกย้ายจากขอบบนมาอยู่ที่ขอบด้านขวาของตัวเครื่องเพื่อการกดใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ถัดลงไปไม่ไกลจะเป็นตำแหน่งของถาด nanoSIM
เนื่องจากปุ่ม Power, Sleep/ Awake ถูกย้ายลงไปไว้ที่ด้านขวาของตัวเครื่องแล้ว ในส่วนของขอบบนจึงถูกปล่อยทิ้งไว้โล่งๆ ไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ จัดวางอยู่เลย
ด้านล่างของ iPhone 6 Plus มีช่องลำโพงที่ด้านขวา ถัดมาที่ตรงกลางคือพอร์ต Lightning สำหรับเสียบสายชาร์จ และสาย USB เพื่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ สำหรับรูปเล็กๆ นั่นคือช่องไมโครโฟนสนทนา ปิดท้ายที่มุมซ้ายสุดจะเป็นตำแหน่งของช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
พลิกมาที่ด้านหลังจะพบพื้นผิวอลูมิเนียมของตัวเครือง พร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 และแฟลช LED แบบ Dual Tone ในส่วนของเลนส์กล้องถ้าสังเกตกันดีๆ จะพบว่านูนขึ้นมาจากตัวเครื่องพอสมควร ในงานใช้งานจริงคงต้องระมัดระวังกันหน่อย ไม่งั้นรอยขีดข่วนทั้งหลายน่าจะตามมาเพียบ
iOS 8
เป็นที่แน่นอนว่า iPhone 6 Plus จะต้องมาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง iOS 8 (ขณะที่เขียนได้อัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น 8.1.1) ซึ่งยังคงมีหน้าตา UI เรียบง่ายแบบ Flat Design เน้นไอคอน 2 มิติ สีสันสดใส พร้อมฟังก์ชั่น Reachability เพียงแค่แตะไปที่ปุ่ม Home 2 ครั้ง ก็จะเป็นการย่อหน้าต่างแอพฯ ลงมาเพื่อแสดงผลเพียงครึ่งล่างของหน้าจอ ช่วยให้เราสามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวกยิ่งขึ้น แม้ Apple จะบอกว่า iPhone 6 Plus นั้นมีหน้าจอขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการใช้งาน 2 มือก็ตาม สำหรับการใช้งานทั่วไปก็มีการปรับปรุงให้เราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น อาทิ แถบการแจ้งเตือนแบบ Interactive ที่เด้งขึ้นมาในขณะที่เราใช้งานแอพฯ ใดๆ ก็ตาม เราก็ยังสามารถตอบโต้กับแถบแจ้งเตือนนั้นได้ทันที ทั้งการพิมพ์ข้อความโต้ตอบ, จัดการอีเมล์, ตอบกลับข้อความจากแอพฯ ที่รองรับ ฯลฯ นอกจากนี้เฉพาะ iPhone 6 Plus ยังรองรับการใช้หน้าจอแนวนอนเต็มรูปแบบตั้งแต่หน้า Home ด้วย Interface แบบเดียวกันกับ iPad อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของ iOS ที่เราสามารถดาวน์โหลดคีย์บอร์ดแบบอื่นๆ มาใช้งานได้อย่างอิสระ
8 MegaPixel iSight Camera
กล้องถ่ายภาพ iSight ของ iPhone 6 Plus นั้นยังคงมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงที่ f2.2 แต่ Apple ได้เพิ่มระบบกันสั่น OIS (ใส่มาเฉพาะใน iPhone 6 Plus) และเปลี่ยนมาใช้งานเซ็นเซอร์ตัวใหม่ ที่มีระบบ Focus Pixels ซึ่งมีการประมวลสัญญาณข้อมูลภาพที่ละเอียดยิ่งขึ้นส่งผลให้ระบบออโต้โฟกัสทำงานได้ดี และรวดเร็วกว่าเดิม พร้อมการควบคุมค่าแสงที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า iPhone 6 Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพสวยได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องตั้งค่าให้วุ่นวาย แต่สำหรับใครที่อยากปรับแต่ง ตั้งค่านู่นนี่เพิ่มเติมใน iOS 8 ก็ได้มีลูกเล่นต่างๆ มาให้ได้ตั้งค่ากันเพิ่มมากขึ้น สำหรับการถ่ายวิดีโอจะทำได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และรองรับการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น 120 เฟรมต่อวินาที ที่ความละเอียด HD 720p เพิ่มเติมด้วยการถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา (TimeLapse) ในส่วนของกล้อง FaceTime หรือกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ก็สามารถรับแสงได้มากขึ้น รองรับการใช้งาน FaceTime HD และถ่ายเซลฟี่ได้เป๊ะกว่าที่เคย ด้วยการถ่ายภาพต่อเนื่อง, การตั้งเวลาถ่าย เสริมด้วยระบบตรวจจับใบหน้าที่ดีกว่าเดิม
Connectivity
ในเรื่องของการเชื่อมต่อ iPhone 6 Plus ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทั้งการเชื่อมต่อผ่าน 4G, 3G, Wi-Fi, Bluetooth อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน NFC แต่ยังคงจำกัดการใช้งานไว้กับการแตะตัวเครื่องเพื่อจ่ายค้าสินค้า และบริการต่างๆ ผ่านระบบ Apple Pay เท่านั้น (ในไทยยังไม่มีบริการเหล่านี้) นอกจากนี้สำหรับสาวกแอปเปิ้ล ยังสามารถใช้โทรออก, รับสาย, โต้ตอบข้อความ – อีเมล์, ทำงานเอกสาร ผ่านเครื่อง MAC (OS X Yosemite) หรือ iPad ของตัวเองได้อย่างสะดวก เพียงแค่อุปกรณ์เหล่านั้นเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi เดียวกันกับ iPhone 6 Plus ของเรา
Final Opinion & Conclusion
สาวก iPhone ที่คุ้นเคยกับการใช้งานหน้าจอที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจจะต้องปรับตัวกับการใช้งาน iPhone 6 Plus ที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว กันสักหน่อย หรือไม่ก็อาจจะแค่ลองเขยิบมาใช้ iPhone 6 ที่มีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วแทน ก็น่าจะพอถูไถ สำหรับในส่วนของวัสดุและการออกแบบ, ประสิทธิภาพและการใช้งานต่างๆ Apple ยังคงมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับเราได้เหมือนเคย แม้ว่าในบางฟังก์ชั่นหากเอาไปเทียบกับคู่แข่งอย่าง Android แล้ว iOS อาจจะถือว่ายังใหม่ และยังต้องมีการพัฒนากันต่อ แต่โดยรวมแล้วเชื่อว่า iPhone 6 Plus เครื่องนี้จะสามารถครองใจเหล่าสาวก Apple และยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกทีดีสำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนซึ่งตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียที่ครบครัน มาไว้ข้างกายสักเครื่อง
Strength
– หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p
– ระบบปฏิบัติการ iOS 8 รุ่นล่าสุด
– วัสดุ, การออกแบบ เรียบหรู
– ชิป A8 CPU 64 bit แบบ Dual-core, ชิปประมวลผลการเคลื่อนไหว M8, GPU Quad-Core
– ระบบปลดล็อค, ซื้อแอพฯ, ซื้อเพลง ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (TouchID)
– มีหน่วยความจำภายในให้เลือกสูงสุด 128 GB
– กล้อง 8 ล้านพิกเซลระบบออโต้โฟกัส, ระบบกันสั่น OIS, f2.2, TrueTone Flash
– กล้อง FaceTime HD
– ถ่ายวิดีโอ Full HD 1080p, ถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น, ถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา
– รองรับ 3G ทุกเครือข่าย และรองรับ 4G LTE, Wi-Fi, บลูทูธ
– สามารถเชื่อมต่อ และ โทรออก-รับสาย ฯลฯ ผ่าน MAC และ iPad
Weakness
– NFC ถูกจำกัดการใช้งานเฉพาะ Apple Pay (ยังไม่รองรับในไทย)
– ตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่ จับถือใช้งานไม่ค่อยถนัด
– เลนส์กล้องนูนออกมาพอสมควร เสี่ยงแต่การเกิดรอยขีดข่วน
– ราคาเปิดตัวค่อนข้างสูง
รูปตัวเครื่อง Apple iPhone 6 Plus
รูปหน้าจอ Apple iPhone 6 Plus
ข้อมูลทั่วไป |
ราคา 28,900/32,900/36,900 บาท |
ขนาด, น้ำหนัก |
158.1 x 77.8 x 7.1, 172 กรัม |
ระบบ | GSM 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz
HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz 4G LTE 850 / 900 / 1800 / 2100 / 2600 MHz |
แบตเตอรี่ | Li-Po 2,915 mAh |
หน่วยความจำภายใน | Internal Storage 16/64/128 GB, RAM 1 GB DDR3 |
หน่วยความจำภายนอก | ไม่รองรับ |
ระยะเวลาสแตนด์บาย | สูงสุดประมาณ 384 ชัวโมง |
ระยะเวลาสนทนา | สูงสุดประมาณ 24 ชั่วโมง |
จอแสดงผล | |
ขนาด | 1080 x 1920 พิกเซล (ขนาด 5.5 นิ้ว, 401 ppi) |
ชนิดและจำนวนสี | LED-backlit IPS LCD, capacitive touchscreen, 16.7 ล้านสี |
สมุดโทรศัพท์ | |
หน่วยความจำ | ไม่จำกัดจำนวน |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 8 (อัพเกรดล่าสุด 8.1.1) |
หน่วยประมวลผล | Apple A8 Dual-core 1.4 GHz Cyclone (64 bit), PowerVR GX6450 (quad-core graphics) |
ข้อความ | |
ระบบสะกดคำอัตโนมัติ | ไทย, อังกฤษ |
MMS | รองรับ |
รองรับ | |
เสียง | |
ชนิด | Polyphonic, MP3 |
การใช้คำสั่งเสียง | มี |
การโทรออกด้วยเสียง | มี |
แฮนด์ฟรี | มี |
มัลติมีเดีย | |
กล้องดิจิตอล | มี (8 ล้านพิกเซล, ออโต้โฟกัส, ระบบกันสั่น OIS, แฟลช Dual LED (Dual Tone), กล้องหน้า 1.2 ล้านพิกเซล) |
กล้องวิดีโอ | มี (Full HD 1080p) |
วิทยุ FM | ไม่มี |
เครื่องเล่นเพลง MP3 | มี |
เครื่องเล่นวิดีโอ | มี |
จาวา (JAVA) | ไม่รองรับ |
การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล | |
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก | Bluetooth 4.0 (A2DP, LE), USB 2.0, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi hotspot, NFC (สำหรับใช้งาน Apple Pay เท่านั้น) |
3G | HSPA 42.2/5.76 Mbps |
4G LTE | LTE Cat4 150/50 Mbps |
อื่นๆ | Apple Pay, VoLTE, Siri, iCloud, Touch ID |