(29 กรกฎาคม 2558) เอไอเอส เดินหน้าสานฝัน ผลักดันพลังไอเดียสตาร์ทอัพคนรุ่นใหม่ของไทย สู่ตลาดสากล ผุดโครงการ “AIS The StartUp 2015” เป็นปีที่ 5 มอบโอกาสที่มากขึ้น กับความสำเร็จที่มากกว่า เฟ้นหานักธุรกิจหน้าใหม่ มาร่วมเป็นดิจิทัลพาร์ทเนอร์กับเอไอเอส โดยเปิดเวทีให้นักคิด นักสร้างสรรค์ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีแนวคิดหรือผลิตภัณฑ์ในมือพร้อมที่จะต่อยอดทางธุรกิจ ร่วมส่งผลงานเข้าแข่งขัน เพื่อพัฒนาและนำผลงานออกสู่ตลาดจริง ชิงเงินรางวัลชนะเลิศ 1,000,000 บาท พร้อมบินไปร่วมงาน Regional Operator Workshop และ Regional Challenge พร้อมโอกาสในการพบนักลงทุนมากมายจากทั่วโลก ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากเอไอเอสและพันธมิตรทั้งไทยและเทศที่มีช่องทางเข้าถึงฐานลูกค้ากว่า 550 ล้านรายในภูมิภาค
นายปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 2011 ที่เอไอเอสเป็นผู้จุดประกายโครงการสนับสนุนกลุ่ม Startup ในประเทศไทย และทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดกว้างให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเรา และร่วม ต่อยอดความสำเร็จแบบยั่งยืนในอุตสาหกรรมนี้ด้วยกัน ตลอดจนขยายฐานลูกค้าไปสู่ระดับภูมิภาคและสากล โดยมีแรงส่งเสริมที่สำคัญ เป็นเครือข่ายพันธมิตรในเครือสิงค์เทล ซึ่งมีพันธกิจร่วมกัน ในการผลักดันสตาร์ทอัพในเครือให้เติบโตในตลาดภูมิภาคอย่างจริงจัง”
ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มสตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 รายการ และได้ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าสู่กระบวนการทดสอบตลาด จนออกให้บริการแล้ว อาทิ ทีม ShopSpot, Infographic Thailand, Noonswoon, Golfdigg, Local Alike, StockRadars, AIS U Academy รวมถึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนร่วมลงทุนในที่สุด
ในปีนี้ เราจึงเปิดโอกาสอย่างต่อเนื่องกับแนวคิด “The New Generation of Digital Partnerships” ซึ่งยังคงเน้นการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน มุ่งเฟ้นหาดิจิทัลพาร์ทเนอร์หน้าใหม่ เข้ามาร่วมสร้างสรรค์บริการเพื่อตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งการแข่งขันในปีนี้ เราเปิดโอกาสให้แก่ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลในหลากหลายรูปแบบ ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ อาทิ ดิจิทัลเกม, บริการด้านความบันเทิงและไลฟ์สไตล์, On-demand Economy (แพลทฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นที่ประสานความต้องการซื้อและการขาย อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าและบริการต่างๆ บนออนไลน์), IOT Smart Living (การติดต่อสื่อสารกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางแอปพลิเคชั่น), Payment และ FinTech (ระบบชำระเงินและเทคโนโลยีด้านการเงิน), Social enterprise : กิจการเพื่อสังคม, Mobile advertising
“AIS The StartUp 2015” เปิดรับผลงานทั้งในรูปแบบของแนวคิดและผลิตภัณฑ์ ที่พร้อมต่อยอดธุรกิจไปสู่ตลาดได้จริง โดยผู้ที่สนใจสามารถส่งใบสมัครได้ที่ www.ais.co.th/thestartup ตั้งแต่วันนี้ – 13 กันยายน 2558 โดยผู้สมัครสามารถจัดทำ Slide เพื่อนำเสนอผลงาน (โดยใช้ Template ที่ระบุในเว็บไซต์) ทั้งนี้ จะสมัครเป็นบุคคลหรือบริษัท ชาวไทยหรือต่างชาติก็ได้ สามารถส่งผลงานได้มากกว่า 1 ผลงาน จากนั้นจะพิจารณาเบื้องต้นจากรายละเอียดใน Slide และเชิญผู้สมัครเข้ามานำเสนอผลงานกับคณะกรรมการในรอบ Audition ทุกๆ วันอังคาร ระหว่างวันที่ 4 สิงหาคม – 22 กันยายน 2558 โดยประกาศผล 15 ทีมที่เข้ารอบ AIS Top Management ในวันที่ 25 กันยายน 2558 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมนำเสนอผลงานในวันที่ 29 กันยายน 2558 และประกาศผล 10 ทีมที่เข้ารอบ Final ในวันที่ 2 ตุลาคม 2558 และนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงเกียรติ พร้อมประกาศผลรางวัลชนะเลิศพร้อมรับมอบรางวัล ในวันที่ 7 ตุลาคม 2558
โดยรางวัลที่ทีมชนะเลิศจะได้รับ คือ เงินสด 1,000,000 บาทจากเอไอเอส, เงินสด 2,000 เหรียญสหรัฐฯ จากซัมซุง เอเชีย, ค่าเดินทางไป-กลับ และที่พัก สำหรับการเข้าร่วมงาน Regional operator Workshop ที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนตุลาคม และสำหรับการเข้าร่วมงาน Regional Challenge ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังมอบรางวัลพิเศษ “Best FinTech StartUp Award” เป็นเงินสด 100,000 บาท ให้แก่ทีมที่นำเสนอโครงการเกี่ยวกับ FinTech อีกด้วย
พร้อมกันนี้ เอไอเอสยังมีนโยบายให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพทุกทีม ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอไอเอสอย่างเต็มที่ในทุกมิติ ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน โดยรวมทุนสนับสนุนตลอดทั้งโครงการ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 5 แกนสำคัญ ได้แก่
- การเชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายโทรคมนาคมของเอไอเอส เพื่อเพิ่มศักยภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น การเรียกเก็บเงินผ่านบิลค่าโทรศัพท์มือถือ
- โอกาสรับทุนสนับสนุนจากเอไอเอส มูลค่าตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 6,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นทุนสนับสนุนในระยะเริ่มต้น และทุนสนับสนุนการเข้าสู่ตลาด
- การร่วมทำสิทธิพิเศษกับฐานลูกค้าเอไอเอส อันเป็นการเพิ่มโอกาสการขยายฐานผู้ใช้บริการให้กับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ
- การให้บริการพัฒนาศักยภาพทางการเงิน เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง AIS The StartUp และมหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมให้คำปรึกษาด้านการเงิน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
- การพัฒนาและสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับเอไอเอส ด้วยบิสิเนสโมเดลที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อกลุ่มสตาร์ทอัพ
ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัทพันธมิตรในแวดวงธุรกิจต่างๆ ทั้งที่ให้เกียรติร่วมเป็นกรรมการตัดสินในรอบสุดท้าย และร่วมให้การสนับสนุนมอบรางวัลแก่เหล่าสตาร์ทอัพ อาทิ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ธนาคารกสิกรไทย, InVent, Samsung, Singtel Group เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้บริหารบริษัทพันธมิตรได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพในเมืองไทย ดังนี้
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “ธนาคารกสิกรไทย หนึ่งในพันธมิตรในการจัดงาน “AIS The StartUp 2015” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงิน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนากลุ่มธุรกิจ FinTech จึงได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในงานนี้ ในฐานะกรรมการ และให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ รวมถึงธนาคารกสิกรไทยได้มีการสนับสนุนรางวัลพิเศษ คือรางวัล “Best FinTech StartUp Award” เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท ให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่สามารถแสดงให้เห็นถึง Financial Solution ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถนำไปใช้งานได้จริง เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงิน นอกจากนี้ ธนาคารฯ จะจัดเวิร์คชอป “Digital Technology to Transform the Financial Service & Experience” ขึ้นในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ เพื่อเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับ FinTech พร้อมแบ่งปันประสบการณ์จากแขกรับเชิญที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนา FinTech ในไทยให้แก่ผู้เข้าร่วมเวิร์คชอป
ซึ่งความท้าทายในการเติบโตของนักพัฒนาและผู้ประกอบการด้าน FinTech ในประเทศไทย คือขาดเงินลงทุน ขาดความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการเงิน และขาดความรู้การต่อยอดในเชิงธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทยในฐานะผู้นำดิจิทัลแบงกิ้งที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนนักพัฒนาไทย และผู้ประกอบการในการพัฒนา FinTech ทั้งด้านเงินลงทุน และการให้ความรู้ในมุมมองของ Financial Industry เพื่อจะช่วยพัฒนาบริษัทเหล่านี้ให้แข็งแกร่ง และยั่งยืนซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลให้เกิดประสิทธิภาพ”
Mr. Nicholas Foo Head of Developer relations, Samsung Asia กล่าวว่า “ซัมซุงในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก มีความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่มีขอบเขตระหว่างประเทศ เรามีผลิตภัณฑ์มากมายที่จะรองรับเทรนด์ของ Smart Things และซัมซุงได้มองเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มสตาร์ทอัพในเมืองไทย ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบรับการมาของตลาด Internet of Things ซึ่งกำลังกลายเป็นเทรนด์แห่งอนาคตในการคิดค้นโซลูชั่นส์เพื่อมาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่นักพัฒนาชาวไทยจะได้เข้ามาร่วมพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ดังนั้นสำหรับการแข่งขันเวที AIS The StartUp 2015 ในครั้งนี้ ซัมซุงจึงเข้ามาร่วมผลักดันเต็มที่เช่นเคย โดยเป็นผู้สนับสนุนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด้วยการมอบเงินรางวัล 2,000 เหรียญสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนการเดินทางไปร่วมงาน Regional operator Workshop และ Regional Challenge”
Mr. Oliver Foo Vice President – Business Development & COE Programme Office, Singtel International Group เปิดเผยว่า “ด้วยนโยบายของเครือ Singtel Group ในการผสานความร่วมมือภายในกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรระหว่างเหล่าโอเปอร์เรเตอร์ทั้ง 6 ประเทศสมาชิก เพื่อร่วมกันส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพให้เติบโตในระดับสากล ด้วยบิสิเนสโมเดลที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตแบบ Fast Track ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ รวมถึงผสมผสานผลงานทั่วภูมิภาค ยกระดับเป็น Regional Community เพื่อเหล่า Startup อย่างแท้จริง โดยนำเอาศักยภาพและจุดแข็งจากประสบการณ์ ความชำนาญในการให้บริการของประเทศสมาชิกในด้านต่างๆ มาผนึกกำลังกัน เพื่อส่งมอบข้อเสนอสุดพิเศษแบบที่ไม่มีใครเทียบได้ และเปิดโอกาสในการเข้าถึงผู้ใช้งานกว่า 550 ล้านคน และขยายไปสู่ 25 ประเทศทั้งในเอเชีย ออสเตรเลีย และแอฟริกา”
“เอไอเอสเชื่อมั่นว่า “AIS The StartUp 2015” จะเป็นการสานต่อแนวทาง Startup ที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้เกิดการเติบโตในอุตสาหกรรม Mobile และ ดิจิทัลคอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลไลฟ์ อีกทั้งเป็นการเดินหน้าไปอีกขั้นในการต้อนรับการเป็นพันธมิตรโดยตรงกับตัวผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น หรือผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเอไอเอสยืนยันว่า เราพร้อมจะสนับสนุน ส่งเสริม ทั้งเทคโนโลยี กลยุทธ์-เทคนิคทางการตลาด ช่องทางการเข้าถึงลูกค้าเอไอเอสที่มีกว่า 42 ล้านรายในปัจจุบัน และผลักดันสู่กลุ่มลูกค้าในระดับภูมิภาคผ่านทาง Singtel Group ที่มีฐานลูกค้ารวมกว่า 550 ล้านรายต่อไป” นายปรัธนากล่าวสรุป