หลังจากที่อาทิตย์ก่อน Apple ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ที่ทุกคนรอคอย ไม่ว่าจะเป็น iPhone 6s หรือแท็บเลตใหม่อย่าง iPad Pro แต่คุณรู้มั้ยว่าของใหม่แกะกล่องรอบนี้ที่ Apple ภูมิใจนำเสนอนั้น มีหลายอย่างเหลือเกินที่คู่แข่งเจ้าอื่นเค้าทำออกมาตั้งนานแล้ว เราคัดแค่ 10 อย่างเด่นๆ มาให้ชมกัน
ถ่าย VDO 4K
ในที่สุด iPhone ก็สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K ได้เสียที จากที่เคยคิดว่าตอน iPhone 6 ออกมาเมื่อปีที่แล้วมันจะถ่ายได้ทั้งๆ ที่สเปคของกล้องก็สามารถจะทำได้ แต่สุดท้ายก็ถ่ายได้แค่ Full HD ตอนนี้ iPhone 6s สามารถถ่าย VDO 4K ได้แล้วนะจ๊ะ หลังจากที่ Android หลายรุ่นสามารถบันทึกได้มาปีกว่าๆ แล้ว
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล / กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
เป็นเรื่องที่ต้องยินดีปรีดาเป็นที่สุด ก็คือกล้องหน้าของ iPhone 6s และ 6s Plus ได้รับการพัฒนาจากกล้องกากๆ ที่ละเอียดแค่ 1.2 ล้านพิกเซล มาเป็น 5 ล้านพิกเซลที่ทำให้คราวนี้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาได้สวยงามชัดเจนกับเขาซักที ซึ่งถ้ามองไปในตลาดคู่แข่งฝั่ง Android แล้ว รุ่นตลาดล่างราคาไม่ถึง 5,000 บาทหลายตัวก็ให้กล้องหน้าขั้นต่ำมาที่ 5 ล้านพิกเซลแล้วเหมือนกัน แถมหลายๆ รุ่นจัดเต็มไปถึง 13 ล้านพิกเซลกันแล้ว
ส่วนกล้องหลังที่เดิมอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลมาหลายรุ่น ก็ได้ฤกษ์เพิ่มความละเอียดขึ้นมาเป็น 12 ล้านพิกเซลที่ช่วยให้ถ่ายภาพเก็บรายละเอียดได้มากยิ่งกว่าเดิม
Retina Flash
เป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย ได้ด้วยการเปิดแสงที่หน้าจอสว่างวาบขึ้นมาตอนถ่ายเพื่อให้หน้าสว่าง ดูเป็นวิธีที่เจ๋งมากๆ โดยไม่ต้องใส่แฟลช LED มาไว้ที่กล้องหน้าให้เกะกะ แต่ทว่า… วิธีนี้ในแอพ Snapchat ก็มีใช้มาซักพักใหญ่ๆ แล้ว รวมถึงใน LG G4 เองก็มีใช้แล้วด้วยเหมือนกัน
Live Photo
เหมือนจะดูว๊าวเลยกับฟีเจอร์การถ่ายภาพนิ่งแต่จริงๆ คือการถ่ายภาพเป็น GIF แล้วสามารถมาแตะเพื่อดูแบบเคลื่อนไหวได้ ซึ่งวิธีการแบบนี้ HTC ก็ทำไว้ใน Zoe Camera ก่อนแล้วเป็นปี
Wallpaper แบบเคลื่อนไหว
วอลเปเปอร์แบบนี้…Android มีใช้มานานจนจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อไหร่ ยังไงคนใช้ iPhone ก็จะได้ใช้กับเค้าเสียที
RAM 2GB
Apple ไม่เคยเอ่ยปากเรื่อง RAM ในสินค้าหมวด iOS ของตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่เราล่วงรู้กันได้ก็จากการที่มีคนไปแกะเครื่องหรือดูจากโค้ดเอา ตอนนี้ยืนยันได้แล้วว่าใน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะมีแรมเพิ่มขึ้นมาจาก 1GB เป็น 2GB เสียที ก็น่าจะช่วยให้เครื่องสามารถเปิดแอพและใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ว่า Apple ปรับสถาปัตย์ระบบมาเป็น 64-bit ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงอดออมปริมาณของ RAM เอาไว้ทั้งๆ ที่มันสามารถใส่ขึ้นไปได้มากกว่านี้
Hey Siri
จากนี้เราจะสามารถทักทายกับ Siri อย่างเป็นกันเองยิ่งขึ้นด้วยการพูดว่า “เฮ้! สิริ” เธอก็จะตื่นตัวขึ้นมาพร้อมรับคำสั่งจากเราทันที เป็นฟีเจอร์แบบ Always-on listening อย่างเดียวกับที่ Google ทำใน Google Now มาตั้งนานแล้ว
Split Screen
ความสามารถในการทำงานแบบ Multitasking 2 แอพพร้อมกันบน iPad ที่ลากงานข้ามไปยังอีกแอพ ช่วยให้ทำงานต่างๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น ฮ๊ะ… อะไรนะ แท็บเล็ตของ Samsung ทำได้มาตั้งนานแล้วเหรอ.. โอเคๆๆ
ปากกา Stylus
“No No No! ใครที่ไหนอยากได้สไตลัสบนสมาร์ทโฟนกัน นิ้วของเรานี่ล่ะดีที่สุด” (ใครซักคนนึงนี่ล่ะเคยพูดไว้) แต่โอเค นี่เป็นสไตลัสสำหรับใช้งานบน iPad Pro อย่างเป็นทางการของ Apple
“No No No! เราไม่ได้ทำสไตลัส เราทำดินสอ นี่คือ Apple Pencil!” (โอเคครับ…เอาที่พี่สบายใจละกัน)
สไตลัสที่สามารถรับน้ำหนักการกดได้บนหน้าจอสัมผัสนั้น S Pen ของ Samsung บนผลิตภัณฑ์ตระกูล Galaxy Note นั้นเริ่มวางตลาดมาตั้งแต่ปี 2011 และพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็คงไมไ่ด้เหมือนกันหมดหรอก เพราะว่า Apple Pencil นั้นต้องชาร์จไฟ ส่วน S Pen นั้นไม่ต้อง
แต่ถึงยังไงแล้ว Apple Pencil ก็ไม่สามารถใส่กลับด้านแล้วทำให้เครื่องพังอย่างแน่นอน (ฮา)
แท็บเล็ตจอใหญ่ ที่มี Keyboard Cover
เรียนตามตรงว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะเปรียบเทียบ iPad Pro กับ Microsoft Surface ได้เลย เพราะมาแบบว่าคอนเซปต์เดียวกันแทบจะเป๊ะๆ แต่ Microsoft ทำมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2012 นู่น ที่คล้ายกันตั้งแต่ Keyboard Cover ที่พับมาตั้งเป็นสแตนด์สำหรับพิมพ์งาน และมีปากกา (ไม่ใช่สิ! ดินสอ) สำหรับเขียนบนหน้าจอได้ด้วย
ทั้ง 10 อย่างที่ยกตัวอย่างมานี้ เราไม่เรียกว่าเป็นการ “ลอกเลียนแบบ” หรือ “ขโมยความคิด” จากคนอื่น เพราะว่าในโลกของนวัตกรรมแล้วนั้น สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นมาล้วนแล้วต่อยอดมาจากสิ่งเก่าที่เคยมีมาก่อนแล้วทั้งนั้น ขึ้นอยู่ว่าใครจะสามารถเสริมสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับสิ่งนั้นได้เต็มที่กว่ากัน รวมถึงสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและใช้งานได้หรือไม่