สมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันมักจะมีลูกเล่นแปลกๆ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจุดขายของแต่ละเจ้า แต่ก็มีอยู่ฟังก์ชั่นหนึ่งที่ไม่ค่อยจะได้รู้กัน คือ สมาร์ทโฟนสองหน้าจอ นั่นเอง ส่วนยี่ห้อไหนจะสวยกว่า ดีกว่า ใช้ได้จริงมากกว่า ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ
ธรรมดาโลกไม่จำ! สมาร์ทโฟนสองหน้าจอ จากแบรนด์ดัง ที่แบบนี้ก็มีด้วย!
ZTE Axon M
จุดเด่นหลักของรุ่นนี้คือ มาพร้อมกับหน้าจอคู่แบบพับได้ขนาด 5.2 นิ้ว เมื่อนำแต่ละจอมารวมกันก็จะมีขนาดที่กว้างมากถึง 6.8 นิ้วเลยทีเดียว มีฟังก์ชั่นที่แยกการทำงานของหน้าจอออกเป็น 4 ส่วน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมไปพร้อมๆ กับดูฟุตบอลทีมโปรดได้โดยไม่พลาดสักแมทช์ หรือจะก๊อปปี้แอพไปยังจอที่สอง และเปิดแอพเดียวกันสองหน้าจอก็ทำได้ด้วย เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากแอพที่รองรับการทำงานแบบ multitask
แต่ก็ใช้ว่ารุ่นนี้จะไม่มีจุดด้อยเลย ด้วยตัวเครื่องที่หนักกว่าปกติ อาจจะทำให้พกพาได้ไม่สะดวกนัก และเนื่องจากวางขายในปีที่ผ่านมา สเป็คจึงแรงไม่เท่าสมาร์ทโฟนที่ออกมาในปีนี้ รวมถึงบานพับสีดำตรงกลางหน้าจอที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกขัดหูขัดตาอยูบ้างเมื่อเปิดโหมดเต็มหน้าจอ หากคุณสามารถมองข้ามข้อจำกักเหล่านี้ได้ ZTE Axon M ก็เป็นสมาร์ทโฟนสองหน้าจอรุ่นหนึ่งที่คุณควรได้สัมผัสสักครั้งเลยล่ะ
Kyocera Echo
สมาร์ทโฟนแบรนด์ดังที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันดี ดีไซน์ถูกออกแบบมาในสไตล์ฝาพับบน-ล่าง (แบบเดียวกับเครื่องเกมพกพา Nintendo DS) จุดเด่นคือการเปลี่ยนหน้าจอล่างขนาด 3.5 นิ้ว ให้กลายเป็นคีย์บอร์ดเสมือนจริง (virtual keyboard) ในขณะที่หน้าจอด้านบนขนาด 4.7 นิ้ว เปิดเบราเซอร์หรือแอพแผนที่ได้โดยไม่มีปัญหา แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวเครื่องขนาดใหญ่, ขอบจอที่หนากว่าที่ควรจะเป็น จึงทำให้เสียพื้นที่หน้าจอไปเยอะพอสมควร รวมไปถึงกล้องดิจิตอลที่น่าผิดหวัง ทั้งความละเอียดที่ต่ำ และคุณภาพของภาพถ่ายที่ไม่ค่อยดีนัก ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้รุ่นนี้มียอดขายที่ลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ยุติการผลิตอย่างถาวรในเดือนกันยายน 2011
LG DoublePlay
หากดูจะภาพก็จะพบว่ารุ่นนี้มีหน้าจอหลักขนาด 4.8 นิ้ว พร้อมปุ่มคีย์บอร์ดจริงและหน้าจอที่สองขนาด 2 นิ้ว ซึ่งจะโชว์ไอคอนแอพที่คุณใช้บ่อยๆ เพื่อประโยชน์ในการใช้งานสองแอพไปพร้อมๆ กัน เช่น อ่านอีเมล์ที่หน้าจอหลักไปพร้อมๆ กับการแชทที่หน้าจอล่าง เป็นต้น
แต่ข้อเสียอันใหญ่หลวงของรุ่นนี้ก็คือ ด้วยปุ่มคีย์บอร์ดจริง (ที่ไม่มีใครอยากใช้กันแล้วถ้าไม่ใช่แบล็คเบอรี่) ทำให้กินเนื้อที่เครื่องด้านล่างไปมากโข จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจอล่างถึงได้เล็กขนาดนี้ และแบตเตอรี่ที่ไม่ค่อยอึดสักเท่าไหร่นัก หากใครชอบเคยชินกับการใช้คีย์บอร์ดจริงและคิดว่าใช้งานจอล่างแค่เล็กๆ น้อยๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่อยากให้ลองถ้าเป็นไปได้นะ!
Samsung DoubleTime
นี่เป็นรุ่นหนึ่งของซัมซุงที่ออกแบบมาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา มาพร้อมกับหน้าจอด้านในขนาด 3.2 นิ้ว เวลาใช้ต้องเปิดมาอีกด้าน (แบบเปิดหนังสือ) จึงจะพบกับหน้าจอที่สองและคีย์บอร์ด ข้อดีคือหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้หน้าจอที่สองแต่อย่างใด แค่ใช้หน้าจอหลักอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วกับการทำงาน แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบแชทชอบเม้น การใช้หน้าจอที่สองจะตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องใช้สองหน้าขอพร้อมกันให้เปลืองแบตเตอรี่ แต่การออกแบบอย่างนี้ก็มีข้อเสียอยู่บ้างคือไม่สามารถใช้งานใดๆ แบบสองจอพร้อมกันได้นั่นเอง เช่น การดูหนังสองจอพร้อมกันแบบ extend หรือการทำงานแบบ mutitasking ทั้งสองจอ เป็นต้น
Samsung Continuum
จุดเด่นของรุ่นนี้คือหน้าจอที่สองขนาดเล็กซึ่งอยู่ใต้หน้าจอหลัก ที่สามารถทำงานเป็นอิสระจากหน้าจอหลักได้ เช่น การแสดงข้อมูลจาก RSS Feed, อัพเดตสเตตัสจากโซเชียลมีเดียหรือแอพพยากรณ์อากาศได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอหลัก จึงประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า ข้อเสียคือ ด้วยขนาดจอที่มีขนาดเล็ก การพิมพ์ข้อความด้วยหน้าจอนี้จึงทำได้ลำบาก, แสดงสถานะจากแอพต่างๆ ได้ไม่เยอะนัก ส่วนเรื่อง multitask สองหน้าจอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
YotaPhone และ YotaPhone 2
ในปี 2013 สมาร์ทโฟนแบรนด์ดังแดนหมีขาวอย่าง Yota ได้ภูมิใจนำเสนอสมาร์ทโฟนสองหน้าจอเป็นครั้งแรก โดยมาพร้อมกับหน้าจอที่สองตรงด้านหลังเครื่อง ใช้หน้าจอประหยัดพลังงานแบบ E-ink เพื่อประโยชน์ในการแจ้งเตือนขณะที่สมาร์ทโฟนกำลังคว่ำหน้าอยู่ อ่านดูแล้วเหมือนจะใช้ได้จริงแน่ๆ แต่มาตกม้าตายตรงที่ไม่มีนักพัฒนา 3rd Party เจ้าไหนสนใจจะออกแบบแอพมาให้รองรับกับหน้าจออีอิงค์แบบนี้เลย นอกจากนี้ Gesture บนหน้าจออีอิงค์ก็ทำงานได้ไม่ค่อยแม่นยำอีกด้วย ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คงจะเหมาะสำหรับดูการแจ้งเตือนและอ่านอีบุ้คเท่านั้นเอง!
LG V10 และ V20
จะเรียกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากซัมซุง Continuum ก็คงไม่ผิดนักสำหรับแอลจี V10 และ V20 มาพร้อมหน้าจอลัด (shortcuts bar) ความกว้างประมาณ 2 นิ้ว สูงเพียงไม่กี่เซนติเมตร ที่ทำงานได้ตลอดเวลาแม้หน้าจอหลักจะดับลง (ยกเว้นตอนปิดเครื่อง) จึงเหมาะกับการแจ้งเตือนเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เร่งด่วนสักเท่าไหร่ ภายหลังจากที่แอลจี V30 ออกมา หน้าจอลัดก็หายสาบสูญไปเลย นั่นแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ไม่ได้ใส่ใจกับฟังก์ชั่นนี้มากนัก แต่อย่างน้อย การที่แอลจีใส่ความสามารถนี้ลงในรุ่น V10 และ V20 มาก่อน ก็คงเดากันได้ว่าน่าจะมีผู้ใช้ที่ชอบฟังก์ชั่นนี้อยู่พอสมควรเลยแหละครับ
ก็จบกันไปแล้ว สำหรับสมาร์ทโฟนสองหน้าจอจากแบรนด์ดัง หากสังเกตจากชื่อยี่ห้อหรือชื่อรุ่นก็จะพบว่า มีหลายรุ่นที่คนไทยมักไม่คุ้นชื่อ นั่นก็เป็นเพราะว่าสมาร์ทโฟนเหล่านี้ยังไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จในวงกว้าง แต่ในอนาคตก็คงจะมีมาอีกแน่ๆ ไม่มากก็น้อย หากมีสมาร์ทโฟนฟังก์ชั่นแปลกๆ ออกมาเมื่อไหร่ ทาง Whatphone ก็ไม่พลาดที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกอย่างแน่นอนครับ
ที่มา : Cnet