ถึงแม้ว่าจะวางจำหน่ายไปสักระยะแล้วสำหรับสมาร์ทโฟน Flagship ทั้งสองรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy S21 Ultra หรือ iPhone 12 Pro Max แต่ก็ยังมีหลายคนชอบนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างทั้งสองว่าจะซื้ออะไรดี เราจึงนำสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาเปรียบเทียบกันหน้าจอแสดงผล และแบตเตอรี่แบบชัดๆ ไปเลยว่ารุ่นไหนจะดีกว่ากัน
จอแสดงผล
สำหรับจอแสดงผลเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ที่หลายคนมักจะมองข้าม เพราะหน้าจอแสดงผลเป็นส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานโดยตรง ซึ่งหากจอแสดงผลสีสันไม่สดใส สู้แสงแดดได้ไม่ดี อาจจะทำให้ผู้ใช้งานหงุดหงิดก็เป็นได้ ก่อนอื่นเราลองมาเปรียบเทียบสเป็คหน้าจอแสดงผลของ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G กับ iPhone 12 Pro Max กันเลยดีกว่า
ตารางเปรียบเทียบสเป็คหน้าจอของ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G และ iPhone 12 Pro Max
Samsung Galaxy S21 Ultra 5G | iPhone 12 Pro Max | |
จอแสดงผล | Dynamic AMOLED 2X | Super Retina XDR OLED |
ขนาด | 6.8 นิ้ว | 6.7 นิ้ว |
ความละเอียด | 1440 x 3200 พิกเซล (515 ppi) | 1284 x 2778 พิกเซล (458 ppi) |
อัตราส่วนหน้าจอ | 19.5:9 | 20:9 |
อัตราส่วนการแสดงผล | 89.80% | 87.40% |
Refresh Rate | 10-120 Hz | 60 Hz |
Contrast Ratio | 3,000,000:1 | 2,000,000:1 |
ความสว่าง | 1,500 nits | 1,200 nits |
Always on Display | รองรับ | ไม่รองรับ |
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ | รองรับ | ไม่รองรับ |
จะเห็นได้ว่าหน้าจอของ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G นั้นเหนือกว่า iPhone 12 Pro Max แทบจะทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นขนาดจอแสดงผลที่มีใหญ่กว่า, จอแสดงผลมีความละเอียดสูงกว่า, อัตราส่วนด้านหน้าในการแสดงผล, อัตรา Refresh rate ที่สูงกว่าถึง 120 Hz ซึ่งจะช่วยให้การแสดงผลไหลลื่นกว่า โดยเฉพาะการเล่นเกม หรือดูคลิปวิดีโอ และสามารถปรับลดลงตามคอนเทนท์ที่แสดงโดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเมื่อแสดงผลภาพนิ่ง
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G ยังมี Contrast ratio ที่สูงกว่า หน้าจอมีความสว่างกว่า และในส่วนของการแสดงผล Always on Display ที่สามารถแสดงนาฬิกา หรือภาพกราฟฟิคเล็กๆ บนหน้าจอได้ตลอดเวลา จึงไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนมาเปิดดูนาฬิกา หรือการแจ้งเตือนบ่อยๆ และสุดท้ายกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว สามารถปลดล็อคโดยใช้นิ้วมือได้สะดวกในขณะที่ใส่หน้ากาก ในขณะที่ iPhone 12 ProMax ต้องถอดหน้ากากออก หรือใส่รหัสผ่านเพื่อปลดล็อคหน้าจอ
การใช้งานกลางแจ้ง เป็นอย่างไร
หากดูแค่จากสเป็คคงจะไม่เพียงพอ เราได้ทดสอบเปิดหน้าจอแสดงผลที่ความสว่างสุดกลางแจ้งดูเลยว่าทั้งสองรุ่นจะมีความสว่าง และสีสันเป็นอย่างไรเมื่อต้องใช้งานจริงในขณะอยู่กลางแจ้ง หรือนอกอาคาร
ทดสอบการแสดงผลกลางแดดจ้า
จะเห็นได้ว่าเมื่อใช้งานกลางแจ้งแล้ว ดูเผินๆ อาจจะไม่ต่างกันมากนัก แต่หากพิจารณาอย่างละเอียดจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความสว่างที่ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G ที่สว่างกว่าเล็กน้อย และสีสันของ Galaxy S21 Ultra 5G ก็ทำได้ดีกว่าเช่นกัน
ใช้งานในที่ร่ม ในอาคาร เป็นอย่างไร
จากการใช้งานกลางแจ้งก็พอจะสรุปได้แล้วว่า Samsung Galaxy S21 Ultra 5G ทำสีสันและความสว่างได้ดีกว่า มาดูกันว่าถ้าใช้งานในร่ม ในอาคารที่
สำหรับการใช้งานในอาคาร ในบ้าน ทั้งสองรุ่นก็ทำได้ดีเช่นกัน แต่ Galaxy S21 Ultra 5G ก็ยังคงทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ทั้งความสว่าง สีสันบนหน้าจอที่ดูสดกว่า สีอิ่มกว่า ทำให้อรรถรสการชมภาพ หรือคลิปวิดีโอได้อารมณ์กว่า
ขนาดของกล้องหน้าที่บดบังการแสดงผล
แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้รบกวนสายตานั่นก็คือกล้องหน้าที่มีฝังอยู่ในหน้าจอทั้งสองรุ่น แต่ iPhone จะใชพื้นที่เยอะกว่ามาก ทำให้บดบังการมองเห็นอยู่พอสมควร แต่สำหรับ Galaxy S21 Ultra 5G มีขนาดกล้องที่เล็กกว่า กินพื้นที่บนจอน้อยกว่า ทำให้ใช้พื้นที่การแสดงผลได้เกือบเต็ม 100%
ขนาดแบตเตอรี่ และการชาร์จแบตเตอรี่
Samsung Galaxy S21 Ultra 5G | iPhone 12 Pro Max | |
ความจุแบตเตอรี่ | 5000 mAh | 3867 mAh |
พอร์ตชาร์จแบตเตอรี่ | USB Type-C | Lightning |
รองรับกำลังไฟ | 25 วัตต์ | 20 วัตต์ |
ชาร์จแบบไร้สาย | 15 วัตต์ | 15 วัตต์ |
จ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่น | รองรับ | ไม่รองรับ |
อแดปเตอร์ในกล่อง | ไม่มี | ไม่มี |
จากตารางสเป็ค ขนาดของแบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างพอสมควร หากดูจากสเป็คแล้วจะเห็นว่าแบตเตอรี่ของ Galaxy S21 Ultra 5G มีขนาดใหญ่กว่ามาก มีความจุสูงถึง 5000 mAh ทำให้ใช้งานได้ยาวนานกว่า
สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ ในกล่องของทั้งสองรุ่นไม่ได้มีอแดปเตอร์ชาร์จมาให้ จะมีเพียงสายชาร์จแบบ USB-C to USB-C มาให้สำหรับ Galaxy S21 Ultra 5G และสำหรับ iPhone 12 ProMax มีสาย Lightning to USB-C มาให้ แต่เป็นที่ราบกันดีอยู่แล้วว่าพอร์ต USB-C เป็นที่นิยมใช้แพร่หลายกว่า สามารถหายืมสายจากแบรนด์อื่นๆ ได้เกือบทั้งหมด แต่สำหรับ iPhone 12 ProMax ต้องใช้พอร์ต Lightning ซึ่งมีใช้เฉพาะแบรนด์ Apple เท่านั้น
ในการชาร์จแบตเตอรี่ของ Galaxy S21 Ultra 5G รองรับกำลังไฟสูงสุด 25 วัตต์ ใช้เวลาชาร์จเต็ม 100% ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับการชาร์จของ iPhone 12 ProMax รองรับกำลังไฟสูงสุด 20 วัตต์ ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 100% ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบไร้สาย ทั้งสองรุ่นรองรับกำลังไฟ 15 วัตต์เช่นเดียวกัน แต่ของ iPhone 12 ProMax จะสะดวกกว่าด้วย Mag Safe ที่จะมีแม่เหล็กดูดติดกับฝาหลัง ทำให้ชาร์จได้ถูกตำแหน่ง ไม่เลื่อนหลุดง่ายๆ
สุดท้ายกับการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างเช่นหูฟังไร้สาย, สมาร์ทวอช หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน ทำให้การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ทำได้ไม่สะดุด ไม่ขาดตอน แต่สำหรับ iPhone 12 ProMax ยังไม่สามารถชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้
บทสรุปเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S21 Ultra 5G และ iPhone 12 ProMax จากความเห็นของ What Phone
จากการเปรียบเทียบทั้งหน้าจอแสดงผล และแบตเตรี่จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy S21 Ultra 5G มีข้อดีมากกว่า iPhone 12 ProMax มากกว่าเกือบทุกด้าน ทั้งความสว่าง สีสัน ส่วนสเป็คแบตเตอรี่ และการชาร์จแบตเตอรี่ก็ทำได้ดีกว่า อย่างไรก็ดี ทั้งสองรุ่นต่างก็มีข้อเด่น จุดด้อยแตกต่างกันออกไป ก็ขอให้ลองพิจารณาดูนะรับ สำหรับบทความการทดสอบคราวหน้าจะเป็นอะไร รอติดตามอ่านได้เลยครับ