หลังจากที่จบการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 80,778 ล้านบาท มากกว่าที่ตั้งไว้ถึง 153.8%
และด้วยการที่ยอดการประมูลครั้งนี้ที่ห้ำหั่นกันดุเดือดจนมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูงมาก ส่งผลให้หลายๆ คนเกิดความกังวลว่าแล้วแบบนี้ผู้ที่ชนะการประมูลนั้นจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น จนส่งผลทำให้ค่าบริการของ 4G ในอนาคตนั้นต้องแพงขึ้นด้วยหรือไม่ เรามีคำตอบมาไขข้อข้องใจนี้กัน
ค่าบริการ 4G ในอนาคตต้องถูกกว่า 3G ในปัจจุบัน
ข้อมูลโดยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) ได้บอกว่า สำหรับการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz กสทช. ได้กำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคไว้ในเงื่อนไขท้ายใบอนุญาต โดยกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาต ต้องขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมประชากร 40% ภายใน 4 ปี และต้องครอบคลุมประชากร 50% ภายใน 8 ปี ในส่วนของอัตราค่าบริการ 4G จะต้องมีอัตราค่าบริการถูกกว่าอัตราค่าบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนั้นผู้รับใบอนุญาตจะต้องจัดให้มีแพ็คเกจราคาประหยัดสำหรับผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีรายได้น้อยคือมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท โดยผู้รับใบอนุญาตจะต้องส่งแผนต่อ กทค. ก่อนเริ่มให้บริการ และต้องดำเนินการตามแผนภายใน 1 ปี นับจากวันที่เริ่มให้บริการ
“การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ในครั้งนี้ ดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส และยุติธรรม โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนและรัฐเป็นที่ตั้ง รวมทั้งสร้างความสมดุลบนการแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรมให้เกิดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม”
ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าต้นปี 2559 นี้ ที่จะมีบริการ 4G 1800 MHz แบบเต็มรูปแบบจากทั้ง 3 ค่ายนั้น ค่าบริการจะสูงขึ้น แต่ทางกลับกันในอนาคตจะมีราคาที่ถูกลงกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก : กทค.