Apple Watch เดินทางมาถึงรุ่นที่ 5 แล้ว โดยรุ่นนี้มีการปรับปรุงในเรื่องของสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม และหลังจากที่เราได้ทำการแกะกล่อง พรีวิว Apple Watch Series 5 Nike ไป และใช้งานมาสักพักแล้ว ตอนนี้ก็จะมารีวิวให้ทุกท่านได้ติดตามกัน
อุปกรณ์ในชุดจัดจำหน่าย
- Apple Watch Series 5
- สาย Nike Sport Band สำหรับใช้งานและมีให้เลือกความยาว 2 ขนาด ได้แก่ ไซส์ S/M และ M/L
- คู่มือการใช้งานภาษาไทยแบบย่อ
- อะแดปเตอร์
- สายชาร์จแบบแม่เหล็ก
Apple Watch Series 5 Nike
เป็นหนึ่งในรุ่นของ Apple Watch ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับทาง Nike มาพร้อมสาย Nike Sport Band ที่เป็นสายที่ออกแบบมาเพื่อการใส่ออกกำลังกายโดยเฉพาะ มีรูระบายอากาศเยอะเป็นพิเศษ ด้านในจะเป็นสีทูโทน สำหรับตัวเรือนจะเป็นแบบอะลูมิเนียมจะมีหน้าปัดขนาด 44 มม. และ 40 มม. ให้เลือก โดยรุ่นที่รีวิวนี้จะเป็นขนาด 44 มม. ถือเป็นขนาดที่กำลังดีสำหรับผู้ชาย และยังคงมีปุ่ม Digital Crown มาให้ใช้งานเหมือนเดิม
ในรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมกับหน้าจอ Always On Display ที่จะติดตลอดเวลา โดยจะมีการแสดงผล Watch Face ออกมา 2 แบบ โดยหน้าจอ Always On Display นี้จะเป็นการแสดงผลบางส่วนที่ทำให้เราดูเวลาได้เพียงเหลือบมอง ซึ่งตรงนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น เช่น เวลาเราโหนรถไฟฟ้าอยู่ เราแค่เหลือบมองขึ้นไปก็เห็นเวลาแล้ว ถ้าเป็นรุ่นก่อนหน้านี้จะต้องทำการพลิกข้อมือหรือกดปุ่มเพื่อให้หน้าจอแสดงผลติดขึ้นมา หรือในขณะออกกำลังกายการแสดงผลก็จะแตกต่างกันด้วย ในโหมด Always On Display จะแสดงข้อมูลสำคัญบางส่วน และเมื่อพลิกข้อมูลขึ้นมาดูก็จะเห็นข้อมูลที่มากขึ้น อาทิ ตอนวิ่งเราจะเห็นข้อมูลวินาทีด้วย แต่ถ้าเข้าโหมด Always On Display จะเห็นแค่เพียงข้อมูลเวลาชั่วโมงและนาทีเท่านั้น
ในรุ่น Nike จะมีหน้าปัด Watch Face พิเศษที่ออกแบบมาให้ใช้งานเลือกใช้งานเพิ่มเติมกันด้วย และในแต่ละ Watch Face ก็ยังสามารถปรับแต่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ และยังมาพร้อมกับแอพ Nike Run Club สามารถเข้าใช้งานเพื่อทำการจับข้อมูลการวิ่งของเราได้เลย และภายในแอพก็ยังมี Guided Runs เพื่อเป็นแนวทางการฝึกซ้อมมาให้ ซึ่งสามารถซิงค์กับแอพ Nike Run Club บน iPhone ได้
ส่วนการทำงานหลักๆ สามารถรับการแจ้งเตือนจาก iPhone และในบางแอพพลิเคชั่นก็สามารถตอบกลับจากบนนาฬิกาได้ และสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ แน่นอนว่าสามารถใช้เรียกงาน Siri ผู้ช่วยดิจิตอลได้
ปรับปรุงมาเพื่อสายสุขภาพมากขึ้น
Apple Watch Series 5 มี GPS ภายในตัว และทนน้ำลึกถึง 50 เมตร จึงทำให้สามารถรองรับการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิ่งกลางแจ้ง, ครอส เทรนนิ่ง, เวท เทรนนิ่ง, วิ่งในร่ม, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ ฯลฯ ซึ่งก็จะมีระบบติดตามการเคลื่อนไหว สามารถคาดเดาการออกกำลังกายได้ โดยจะขึ้นแจ้งเตือนหลังจากผ่านไปประมาณ 3 นาที หากเรากำลังออกกำลังกายอยู่ ก็สามารถกดยืนยันเพื่อทำการเก็บข้อมูลการออกกำลังกายต่อได้เลย
นอกจากการออกำลังกายแล้วมีกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่มักจะเผลอนั่งอยู่กับที่นานๆ ตัว Apple Watch เองก็จะมีการแจ้งเตือนให้ขยับ หรือยืนขึ้นในระหว่างวัน ป้องกันไม่ให้เรานั่งนิ่งหรืออยู่กับที่นานเกินไป
แอพ Noise สำหรับตรวจจับเสียงรอบข้างว่าเสียงดังเกินไปหรือไม่ หากพบว่ามีเสียงที่ดังเกินเดซิเบลอาจส่งผลส่งผลกระทบต่อการได้ยินก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นมาเพื่อให้เราหลีกเลี่ยงออกจากสถานที่เหล่านั้น พร้อมรวบรวมข้อมูลการฟังของเราว่าอยู่ในระดับไหน
และสำหรับสาวๆ ก็ยังมี Cycle Tracking แอปสำหรับการติดตามรอบเดือนของคุณผู้หญิง ที่จะให้ผู้ใช้งานทำการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ และมีการวิเคราะห์รอบเดือนรอบต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าประจำเดือนนั้นมาปกติหรือไม่
เชื่อมต่อกับหูฟังไร้สาย แล้วฟังเพลงจากนาฬิกาได้ทันที
ในขณะออกกำลังกายหรือเดินเล่นทั่วไป สามารถฟังเพลงจาก Apple Music ในนาฬิกา ด้วยการเชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายผ่านทาง Bluetooth ได้ทันที และถ้าหากใช้งาน AirPods และใช้งาน Apple ID เดียวกัน ก็จะทำให้การเชื่อมต่อกันง่ายขึ้น
รุ่น Cellular ไม่ต้องพกโทรศัพท์ก็ได้
ความสะดวกของรุ่น GPS + CELLULAR ให้คุณสามารถใช้งานโทรออก-รับสายได้โดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ พูดคุยผ่านทางนาฬิกาได้เลย หรือหากมีการเชื่อมต่อกับหูฟัง AirPods ก็รับสายและพูดคุยผ่านช่องทางนี้ก็ได้ และการเปิดใช้งาน eSIM ก็สามารถทำผ่านแอพ Watch ได้แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
ตรวจจับการล้มและโทรฉุกเฉิน SOS
เป็นฟีเจอร์ที่ใครก็ไม่อยากใช้หรือไม่อยากให้เกิดขึ้น นอกจากจะมีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดวันแล้วก็ยังมีเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหว และเมื่อเกิดการล้มขึ้นมา Apple Watch ก็จะทำการโทรออกไปยังหมายเลขฉุกเฉินที่เราใส่ไว้ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าหมายเลขฉุกเฉินได้ในแอพ Health และถ้าเป็นรุ่น GPS + CELLULAR จะรองรับการโทรฉุกเฉินได้ทั่วโลก
แบตเตอรี่ใช้งานได้ตลอดวัน
สำหรับการใช้งาน Apple Watch Series 5 สามารถใช้งานได้ประมาณ 1-1.5 วัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งจำเป็นต้องการชาร์จไว้ทุกคืนหรือก่อนออกมาจากบ้านทำงานควรมีแบตเตอรี่เต็ม 100 และถ้าหากใครที่เพิ่งทำการซื้อ Apple Watch มาใหม่ ให้ทำการอัพเดต watchOS ก่อน จะช่วยแก้ปัญเรื่องแบตเตอรี่หมดไวได้
สรุป
เป็นการปรับปรุงเพื่อความสมบูรณ์ที่มากขึ้นจากรุ่นที่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Always On Display และยังคงเรื่องการกระตุ้นให้ผู้ใช้มีการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายมากขึ้น รวมถึงยังไม่พลาดการติดต่อต่างๆ ด้วย และถ้าใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและแบรนด์ไนกี้ Apple Watch Series 5 Nike ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้าให้แนะนำเลือกเป็นรุ่น GPS + CELLULAR ก็จะเพิ่มความสะดวกในการใช้งานเพิ่มขึ้นไปอีก
ดูรุ่นและราคาของ Apple Watch ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยได้ที่นี่ https://whatphone.net/gadget/wearable/apple-watch-series-5-in-thailand/
จบไปแล้วสำหรับรีวิว สำหรับใครที่อยากติดตามรีวิว, บทความ, ทิป เทคนิค การใช้งานต่างๆ และข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์ เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลย