iPhone 6s Plus
ถ้าว่ากันด้วยสเป็คเครื่อง ทั้งหน่วยประมวลผล หน่วยความจำ RAM เทียบกับฝั่งแอนดรอยด์แล้วถือว่า iPhone 6s Plus นี่เด็กๆ ไปเลยโดยเฉพาะซีพียู A9 ที่ยังเป็นแค่ Dual-core ความเร็วเพียง 1.84 GHz เท่านั้น แต่ยังดีที่อัพเกรด RAM จากรุ่นก่อนเพิ่มเป็น 2 กิกะไบต์ ซีพียูแบบ 64 บิท ทำให้ใช้งานได้เร็วขึ้น และยังมีซีพียูคู่หู M9 สำหรับช่วยประมวลผลข้อมูลด้านการเคลื่อนไหว แต่ถ้าเล่นเกมก็ไม่ต้องห่วง เพราะมี GPU PowerVR GT7600 แบบ Hexa-core หรือ 6 แกนประมวลผลมาให้เลย รองรับภาพเกมแบบสามมิติได้สบายๆ จากการทดสอบใช้งานก็พบว่าใช้งานได้รวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนจนรู้สึกได้ ส่วนหน่วยความจำภายในก็มีให้เลือก 16, 64, 128 กิกะไบต์ แต่ขอแนะนำให้ใช้ 64 กิกะไบต์ เพราะหากใช้งานไม่พอแล้วเพิ่มหน่วยความจำภายหลังไม่ได้อีกแล้ว
สำหรับเครื่องทดสอบที่เราได้มานั้นเป็นเวอร์ชั่น 9.0.2 และอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่ 9.1 เรียบร้อย โดยแก้ไขบั๊คบางอย่างในรุ่นก่อน ดีไซน์เมนูยังคงเป็นแบบเรียบๆ จากปีที่แล้ว หน้าจอความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้วที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับบางคน และจุดเด่นที่ต่างจาก iPhone รุ่นก่อนคือระบบ 3D Touch รองรับแรงกดลงบนหน้าจอ เมื่อกดเบาๆ จะเป็นการเปิดเมนูย่อย หรือดูรายละเอียดคร่าวๆ ของไอคอนนั้นๆ คล้ายๆ กับการคลิกขวาในคอมพิวเตอร์ และหากออกแรงกดย้ำลงอีกก็จะเป็นการเข้าเมนูนั้นๆ ไปเลย ไม่ต้องแตะหลายครั้ง และอย่างในแอพฯ Note ก็สามารถใช้ปลายนิ้วแตะเขียนโน้ตรองรับแรงกดเพื่อลงเส้นหนัก เบาได้โดยไม่ต้องพึ่งปากกาสไตลัสชนิดพิเศษ
ทางด้านปุ่มโฮมนั้นยังคงมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่สแกนได้เร็วกว่าเดิม และนอกจากจะใช้ปลดล็อคหน้าจอ แล้วยังสามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อซื้อแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงการซื้อของโดยผ่าน Apple Pay ที่ทำงานร่วมกับ NFC ส่วนเรื่องสีตัวเครื่องที่วางจำหน่ายคราวนี้ก็มีสี Rose Gold หรือสีชมพูกุหลาบมาให้เลือกอีกด้วย
Physical Overview
ยังคงใช้หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้วเช่นเดิม กระจกที่มีขอบโค้งมนรับกับขอบด้านข้างของตัวเครื่อง เหนือจอแสดงผลมีกล้องสำหรับ Facetime และถ่าย Selfie ที่ปรับเพิ่มความละเอียดสูงเป็น 5 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์ต่างๆ และช่องลำโพงหูฟังเหมือนเดิม
ส่วนใต้จอก็มีปุ่มโฮมเพียงปุ่มเดียว มีวงแหวนสีเดียวกับตัวเครื่อง ปุ่มโฮมทำจากวัสดุแซฟไฟร์ และยังทำหน้าที่สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อค หรือยืนยันตัวตนเพื่อซื้อแอพฯ
ด้านล่างเหมือนกับ iPhone 6 Plus คือมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. รูเล็กๆ ติดกันเป็นไมโครโฟน ตรงกลางเป็นช่องเสียบสาย Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ถัดไปเป็นลำโพงตัวเครื่อง
ด้านซ้ายไล่จากด้านบนลงมาเป็นสวิตซ์สำหรับเปิดระบบสั่น หากเปิดเอาไว้ก็จะเห็นแถบสีส้มชัดเจนบ่งบอกอยู่ ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียงเหมือนรุ่นก่อนๆ
ที่ด้านขวามีปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง ย้ายมาอยู่ด้านนี้ตั้งแต่รุ่น iPhone 6 เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น
ด้านหลังมีกล้องดิจิตอล พร้อมไฟแฟลชแบบทูโทน รูตรงกลางเล็กๆ นั่นเป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา ขาดไม่ได้กับโลโก้ Apple ที่ดูโดดเด่น ส่วนด้านล่างมีคำว่า iPhone พร้อมกับตัวอักษร S อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมบ่งบอกว่านี่คือรุ่นใหม่ล่าสุด
วัสดุโดยรวมของ iPhone 6s Plus เป็นอลูมิเนียมซีรี่ย์ 7000 ที่มีความแข็งแรงทนทานกว่ารุ่นก่อน ไม่สามารถงอเครื่องได้ง่าย ภาพลักษณ์ภายนอกโดยรวมแล้วดีไซน์ยังเหมือนกับรุ่นก่อน แต่เพิ่มสี Rose Gold เข้ามา
12 Megapixel Camera
น่าจะถูกใจผู้ใช้ที่ชอบการถ่ายภาพ เพราะได้อัพเกรดความละเอียดเป็น 12 ล้านพิกเซลมีระบบกันสั่นที่ตัวเลนส์ หรือที่เรียกกันว่า OIS (Optical Image Stabilization), การถ่ายภาพพาโนรามาที่ให้ความละเอียดสูงสุด 63 ล้านพิกเซล ที่น่าสนใจคือมีระบบ Live Photo ที่จะถ่ายภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ลงในภาพถ่าย ทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวา ส่วนการถ่ายถ่ายวิดีโอก็อัพเกรดเพิ่มความละเอียดเป็น 4K 30 เฟรมต่อวินาที หรือถ่ายแบบ Full HD ได้ 60 เฟรมต่อวินาที จากเดิมได้ที่ 30, ถ่ายวิดีโอแบบสโลโมได้เนียนขึ้นที่ 240 เฟรมต่อวินาที จากเดิมได้ที่ 120, มีระบบกันภาพสั่น และโฟกัสภาพต่อเนื่องขณะถ่ายวิดีโอ ส่วนการถ่ายเซลฟี่ก็มีกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F2.2 และใช้ Facetime ไปด้วยในตัว สำหรับการถ่าย Selfie ก็มีการใช้หน้าจอเปล่งแสงเป็นสีนวลๆ เพื่อให้หน้าดูเนียน ไม่ขาวเวอร์จนเกินไป ส่วนการบันทึกวิดีโอก็ทำได้ที่ความละเอียด 720p
Entertainment
ในระบบความบันเทิงของ iPhone ก็เหมือนเช่นเคย มีเครื่องเล่นเพลงที่สามารถซิงค์ผ่านโปรแกรม iTunes จากคอมพิวเตอร์ได้ หรือจะซื้อเพลงลิขสิทธิ์แท้จาก iTunes Store ซึ่งจะมีทั้งไฟล์เพลง มิวสิควิดีโอ หรือจะซื้อ-เช่าภาพยนตร์มาดูก็มีหมด ส่วนเกมต่างๆ ก็มีใน App Store ให้เลือกซื้อ หรือดาวน์โหลดฟรีๆ มาเล่นมากมายนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นความบันเทิงที่ครบวงจรจริงๆ ถือเป็นจุดเด่นของ iOS Device ที่มีระบบนิเวศแห่งความบันเทิงเต็มรูปแบบ ทั้งคอนเทนท์ และระบบการซื้อขายเกื้อหนุนกันอย่างสมบูรณ์แบบ
Connectivity
ในด้านการเชื่อมต่อก็ยังคงรองรับทั้ง 3G, 4G LTE ความเร็วสูงสุดถึง 300 Mbps ใช้งานได้ทุกเครือข่ายทั่วโลก แต่ Wi-Fi ได้อัพเกรดให้รองรับเทคโนโลยี MIMO ทำให้การรับส่งข้อมูลทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมสูงถึง 866 Mbps แต่ก็ต้องใช้กับอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่รองรับด้วย ส่วนบลูทูธก็รองรับถึงเวอร์ชั่น 4.2 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
Final Opinion & Conclusion
มาถึงบทสรุปส่งท้าย ถ้าถามว่าจาก iPhone 6 Plus อัพเกรดเป็น 6s Plus คุ้มหรือไม่ ขอตอบตรงนี้เลยว่าดูยังไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ รออัพเกรดปีหน้าโฉมใหม่จะดีกว่า เพราะลูกเล่น และดีไซน์ไม่ต่างจากเดิมมากนัก แถมยังมีราคาแพงกว่าเดิมอีกเล็กน้อย แต่ถ้าชอบสี Rose Gold ก็จัดไป แต่ถ้ายังใช้ iPhone 5s หรือรุ่นที่ต่ำกว่านั้น ก็สมควรที่จะอัพเกรดได้แล้ว เพราะมีลูกเล่นเพิ่มจากเดิมพอสมควร อาจจะเปลี่ยนเป็น iPhone 6s ธรรมดาก็ได้ เพราะ 6s Plus ค่อนข้างใหญ่ และถือลำบาก ถึงเวลานี้เริ่มมีโอเปอร์เรเตอร์ออกโปรโมชั่นลดราคาพร้อมแพ็คเก็จกันบ้างแล้ว ถ้าเห็นว่าคุ้มก็เปลี่ยนได้เลยครับ
Strength
– ระบบปฏิบัติการ iOS 9 ระบบมีความเสถียรสูง
– หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี 3D Touch
– หน่วยประมวลผลใหม่ A9 และ M9 และจีพียูแบบ Hexa-core
– มีหน่วยความจำให้เลือก 16, 64 128 GB, RAM 2 GB
– กล้อง 12 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพแบบ Live Photo มีภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ
– กล้องวิดีโอความละเอียด 4K โฟกัสภาพต่อเนื่องขณะถ่าย
– กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อมใช้หน้าจอเป็นแฟลช เซลฟี่ได้ภาพสวยขึ้น
– มีระบบสแกนลายนิ้วมือรุ่นใหม่ สแกนได้เร็วกว่าเดิม
– รองรับการเชื่อมต่อผ่าน 3G, 4G LTE ทุกเครือข่ายทั่วโลก
– ไว-ไฟรองรับเทคโนโลยี MIMO เชื่อมต่อได้เร็วขึ้น
Weakness
– บางฟังก์ชั่นยังใช้งานไม่ได้ในเมืองไทย
– ยังเพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้
– ราคาค่อนข้างสูง
รูปตัวเครื่อง iPhone 6s Plus
รูปหน้าจอ iPhone 6s Plus