ข่าวลือเรื่องแว่น AR/VR ของ Apple นั้นมีมาหลายปีแล้ว โดยมักจะถูกเรียกว่า Apple Glass แต่ล่าสุด The Information ได้ตีพิมพ์ข่าวชุดใหญ่เรื่องแว่นนี้ว่าน่าสนใจยังไงบ้างโดยละเอียด
ในข่าวรายงานว่าแว่นตา Apple Glass นั้นแท้จริงแล้วจะเป็นหมวก Mixed Reality (เป็นทั้ง VR และ AR แต่จะเน้นการเป็น VR มากกว่า) โดยตัวมันจะมีเซนเซอร์ และกล้องรอบแว่น อย่างน้อย 12 ตัว ทำให้รู้ว่ารอบๆ ตัวผู้ใช้งานเป็นยังไงบ้าง มีวัตถุอยู่ตรงไหน ส่วนเลนส์ทั้งสองข้างนั้นจะเป็นหน้าจอความละเอียดข้างละ 8K ทำให้ความคมชัดชนะแว่น VR ทุกตัวในตลาดตอนนี้แบบขาดลอย (VR ในตลาดตอนนี้ความละเอียดสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 2K ต่อหนึ่งข้าง) และมี Eye tracking ทำให้เลือกประมวลผลภาพให้ชัดเฉพาะพื้นที่ที่ตาผู้ใช้งานมองอยู่ ส่วนพื้นที่รอบๆ อาจจะเรนเดอร์ความละเอียดที่ลดลง จะได้มีพลังประมวลผลเหลือสำหรับตรงที่ผู้ใช้งานมองอยู่
ตัวแว่นสามารถเข้าโหมด VR เหมือนกับแว่นทั่วไปด้วยการปิดภาพจากโลกภายนอก และเปิดให้เราเห็นภาพจากการประมวลผลของแอพ หรือจะเปิดกล้องเพื่อดูโลกภายนอกเป็นโหมด AR ก็ได้เช่นกัน โดยเซนเซอร์ที่ใช้จะมี LiDAR ร่วมด้วย ไม่ใช่แค่กล้องทั่วไปเท่านั้น ทำให้แม้จะอยู่ในโหมด VR ก็สามารถบอกได้ว่ามีวัตถุอยู่ห่างออกไปจากผู้ใช้งานแค่ไหน
สำหรับระบบเสียงนั้นคาดว่าแผ่นครอบหูจะเป็นแบบเปลี่ยนได้ และรองรับ Spatial Audio เหมือนกับ AirPods Pro และ AirPods Max นั่นเอง ส่วนชิปประมวลผลคาดว่าเป็นผลงานการพัฒนาภายในเช่นเดิม ซึ่งไม่เกินความคาดหมายนักเพราะ Apple ในตอนนี้ก็พัฒนาชิปเซ็ตใช้งานเองแทบจะทุกผลิตภัณฑ์แล้ว ตั้งแต่ A-series (iPhone) , H-series (AirPods), S-series (Apple Watch) และล่าสุด M-series (Mac)
ทาง The Informations เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระยะท้ายๆ แล้ว และอาจจะเปิดตัวได้ในปีหน้า (2022) แต่ไม่ได้จับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป เพราะสเปคที่อัดมาแน่นทำให้ราคาสูงถึง $3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 90,000 บาท) น่าจะออกแบบมาเพื่อชนกับ HoloLens 2 ของ Microsoft มากกว่า (HoloLens ราคาอยู่ที่ $3,500 ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นการเน้นจับกลุ่มลูกค้าองค์กรแทนที่จะเป็นผู้บริโภคทั่วไป
เราได้ยินข่าวเรื่องแว่นอัจฉริยะจาก Apple มาตั้งแต่ช่วงปี 2017 โดยที่ผ่านมาก็มีข่าวบ้าง เงียบไปบ้าง แต่ในที่สุดก็มีแนวโน้มว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัว และวางจำหน่ายจริงๆ เสียที แต่สุดท้ายนี้ต้องไม่ลืมว่ากำหนดวางจำหน่ายของแว่นนี้อาจจะเร็วสุดคือปี 2022 ดังนั้นระหว่างนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างก่อนการเปิดตัวและวางจำหน่ายครับ
ที่มา – Engadget