ได้เวลาเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Huawei P9 ในงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา โดยเปิดตัวพร้อมกันถึง 2 รุ่นคือ P9 และ P9 Plus ชูความสามารถด้านการถ่ายภาพที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับทาง Leica ใช้กล้องแบบเลนส์คู่ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ดียิ่งกว่าเดิม
การออกแบบที่สวยหรูลงตัว
หน้าตาของ P9 นั้นได้รับการออกแบบให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ตั้งแต่วัสดุที่ใช้เป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับวัสดุสร้างเครื่องบิน ประกอบเข้ากับกระจกหน้าแบบ 2.5D ที่โค้งมนสวยงามรับกับตัวเครื่อง โดยเฉพาะขอบเครื่องที่บางชิดกับจอเพียงแค่ 1.7 มม. เท่านั้น ทำให้จอภาพเต็มพื้นที่ด้านหน้าจนแทบไม่เห็นขอบข้าง สำหรับ P9 จะเป็นหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 แบบ IPS LCD
ตัวเครื่องนั้นบางกว่าคู่แข่ง หนาเพียงแค่ 6.95 มม. และที่ด้านหลังเลนส์กล้องก็เรียบไปกับตัวเครื่อง ไม่มีนูนขึ้นมา และถึงแม้ว่าเครื่องจะดีไซน์มาบางเฉียบแต่ก็ใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 3,000 mAh ตัวเครื่องมีสีให้เลือกถึง 6 สีคือ Haze Gold, Quartz Grey, Ceramic White, Rose Gold, Prestige Gold และ Titanium Grey
กล้องเลนส์คู่ที่พัฒนาร่วมกับ Leica
เป็นการร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่า Huawei กับ Leica ผู้ผลิตกล้องชั้นนำจากประเทศเยอรมันนี ที่ใช้กล้องเลนส์คู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่ออกแบบมาเพื่อ Huawei P9 โดยเฉพาะ ตัวเลนส์เป็น Leica Summarit H 1:2.2/27 ใช้รูรับแสง f/2.2 ที่สามารถจำลองค่าได้ F/1.1-16.0 โดยใช้การประมวลผลจากทั้ง 2 เลนส์
โดยหลักการทำงานของกล้องเลนส์คู่นี้ ตัวแรกจะเป็นเซนเซอร์ประมวลภาพสี RGB ตามปกติ แต่ตัวที่ 2 จะประมวลผลของสีขาว-ดำ เพื่อช่วยเก็บรายละเอียดในที่แสงน้อย, ย้อนแสง รวมถึงใช้ในการช่วยประมวลผลปรับระยะโฟกัสของภาพได้ด้วย อีกทั้งยังมีระบบ Laser Auto Focus ที่ช่วยให้จับโฟกัสของภาพได้เร็วยิ่งขึ้น
และด้วยความร่วมมือกับ Leica ทำให้มีโหมดสีของภาพฟิลม์, ปรับภาพโบเก้, ปรับหน้าชัดหลังเบลอ ตามสไตล์กล้องของ Leica มาให้เลือก รวมถึงโหมดการถ่ายภาพแบบ Manual ที่สามารถปรับค่าต่างๆ ได้อย่างอิสระ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล Sony IMX179 F/1.9 พร้อมไฟแฟลช
เรียกได้ว่างานนี้เรื่องกล้อง Huawei จับมือกับ Leica พัฒนาให้กล้องเลนส์คู่มีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งมากๆ กับการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน ที่ทำให้ภาพที่ถ่ายมานั้นมีสีสันสวยงาม ความคมชัดแม้จะอยู่ในพื้นที่ที่แสงน้อย รวมถึงโปรไฟล์สีในแบบฉบับของ Leica
เทคโนโลยีใหม่จัดเต็มแน่นเครื่อง
นอกจากเรื่องกล้องที่ยกเครื่องใหม่ใส่มาให้เต็มพิกัดแล้ว Huawei P9 ยังมีเทคโนโลยีเด็ดๆ อีกหลายตัวใส่เข้ามา ตั้งแต่ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ 3D Fingerprint Sensor ที่เก็บรายละเอียดของลายนิ้วมือได้ถึงระดับ Levle 4 ส่วนตัวชิปเซตนั้นใช้เป็น Kirin 955 แบบ 64-bit Octa-core (4 x 2.5 GHz A72 + 4 x 1.8 GHz A53) RAM มีให้เลือก 3GB และ 4GB ส่วนหน่วยความจำภายในมี 32GB และ 64GB และใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
ราคาของ Huawie P9 ในรุ่น 32GB RAM 3GB จะอยู่ที่ 599 ยูโร (ประมาณ 23,700 บาท) รุ่น 64GB RAM 4GB ราคา 649 ยูโร (ประมาณ 25,700 บาท) จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 16 เมษายนนี้ ใน 29 ประเทศแถบทวีปยุโรปและตะวันออกกลางก่อนเป็นที่แรก
Huawei P9 Plus ไม่ได้มีดีแค่จอใหญ่
ก่อนหน้าจะเปิดตัวมีข่าวหลุดว่า P9 จะมีรุ่นหน้าจอใหญ่กว่าปกติด้วย คาดการณ์ว่ามันจะชื่อ P9 Max แต่สุดท้ายเปิดตัวมาใช้ชื่อเป็น P9 Plus ที่จะมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าเป็น 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD คมชัดด้วยจอแบบ AMOLED หน่วยความจำ 64GB RAM 4GB แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่กว่าอยู่ที่ 3,400 mAh สามารถใช้งานทั่วไปได้นานถึง 2 วัน หรือถ้าใช้งานหนักๆ ก็อยู่ได้ถึง 1.35 วัน และมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Dual-IC Rapid Charge ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาทีจะเพิ่มแบตเตอรี่สำหรับใช้งานสนทนาได้นานถึง 6 ชั่วโมง
ระบบเสาอากาศคมชัดมากขึ้น ด้วยเสาอากาศที่มีมาให้ถึง 3 ตัว มีระบบอินฟราเรดสำหรับใช้งานรวมกับแอพรีโมทคอนโทรลต่างๆ ได้, ลำโพงคู่ที่แยกเสียงแบบสเตอริโอให้มิติของเสียงแบบสมจริง และเมื่อเวลาเปิดเสียงในแนวตั้ง จะปล่อยเสียง Treble จากลำโพงสนทนา และเสียงเบสจากลำโพงด้านล่าง รวมถึงตัวหน้าจอจะเป็นแบบ Press Touch ที่สามารถรับคำสั่งจากน้ำหนักการกดที่แตกต่างกันได้ และมีสีให้เลือก 3 สีคือ Haze Gold, Quartz Grey และ Ceramic White
Huawie P9 Plus ราคาจะอยู่ที่ 749 ยูโร (ประมาณ 29,600 บาท) จะเริ่มวางขายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้
ในการเปิดตัวครั้งนี้ Huawei ออกตัวเต็มที่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระดับแนวหน้าของโลก การพัฒนาอย่างรอบด้านทั้งด้านการออกแบบเครื่องที่สวยงามและมีสไตล์เป็นของตัวเอง การพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพระดับสูงมาไว้ในตัวเครื่อง และรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ที่ทำให้ Huawei P9 และ P9 Plus เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่น่าจับตามองอีกรุ่นสำหรับปี 2016 นี้
ข้อมูลจาก : GSMarena | HuaweiDevice