Huawei Mate 9 Pro
Huawei Mate 9 Pro สมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นในซีรี่ส์ Mate 9 ที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่อัพเกรดขึ้นมาเป็นระดับ Professional สมชื่อ และโดดเด่นด้วยการออกแบบที่แตกต่าง ซึ่งเรากำลังจะพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้น
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus
ขอบตัวเครื่องด้านซ้ายมีถาดใส่ซิม รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Nano SIM) ไม่รองรับ microSD
ขอบด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power
ด้านหลังมีกล้องคู่ (กล้องขาวดำความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, กล้องภาพสีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล) พร้อมแฟลช LED แบบ Dual-tone ถัดลงไปไม่ไกลเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ขอบล่างมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C พร้อมช่องไมโครโฟนสนทนา ช่องต่อหูฟัง และลำโพง
Design & Performance
เชื่อว่าหนึ่งในจำนวนของผู้ที่ติดตามข่าวการเปิดตัว Huawei Mate 9 จะต้องมีบางส่วนรู้สึกต้องตาต้องใจกับรูปร่างหน้าตาการออกแบบของ Huawei Mate 9 Porsche Design ที่มีความโค้งมน พลิ้วไหว ซึ่งฉีกแนวทางการดีไซน์เดิมๆ ของตระกูล Mate ไปพอสมควร แต่ก็อาจจะไม่ได้ชื่นชอบในแบรนด์ Porsche ที่แปะโลโก้ไว้บนตัวเครื่องแบบชัดเจนขนาดนั้น (อีกประเด็นคือเรื่องของราคาที่สูงเป็นพิเศษ แหะๆๆ) ทำให้ Huawei Mate 9 Pro ที่ประกาศเปิดตัวไล่หลังมาติดๆ เป็นทางออกให้ผู้ใช้งานทั้งหลายได้เฮ กับดีไซน์ที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่น Limited อย่าง Porsche Design ซึ่งเจ้า Huawei Mate 9 Pro ที่อยู่ในมือเรานั้นมีความโดดเด่นด้วยตัวเครื่องโลหะเคลือบเงาสุดหรู ที่มีความบางเพียง 7.5 มิลลิเมตร (Huawei Mate 9 บาง 7.9 มิลลิเมตร) และเพิ่มความกระชับในการจับถือตัวเครื่องใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วยขอบหน้าจอทั้ง 2 ฝั่งที่ถูกออกแบบให้มีความโค้งเล็กน้อย นอกจากนี้ขนาดหน้าจอของรุ่น Pro ยังมีการปรับขนาดลดลงเหลือเพียง 5.5 นิ้ว แต่ได้เพิ่มความละเอียดจากรุ่นปกติที่มีความละเอียด Full HD 1080p มาเป็นหน้าจอความละเอียดสูงระดับ 2K (1440 x 2560 พิกเซล) ซึ่งช่วยให้แสดงผลได้เนียนตามากยิ่งขึ้น อีกทั้งความละเอียดระดับนี้ยังทำให้ Huawei Mate 9 Pro พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับแว่น VR จาก Google อย่าง Google Daydream (ณ วันที่เขียนรีวิว Google ได้ประกาศผ่านทางหน้าเว็บแล้วว่าเตรียมพร้อมรับประสบการณ์ VR บน Huawei Mate 9 Pro เร็วๆ นี้) และอีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในรุ่น Pro นั่นก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกย้ายมาไว้ด้านหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่ม Home ไปด้วยในตัว สำหรับความสะดวกในการใช้งานนี่ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนตัวแล้วเราชอบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังมากกว่า เพราะว่ามันสามารถใช้แทนปุ่มชัตเตอร์เวลาถ่ายเซลฟี่ได้สะดวกดี
ในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน Huawei Mate 9 Pro ได้อัพเกรดหน่วยความจำ RAM เพิ่มขึ้นมาเป็น 6 GB ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานแบบ Multitasking หรือเปิด-สลับ ใช้งานหลากหลายแอพฯ พร้อมกันได้อย่างเหลือเฟือ สำหรับขุมพลังยังคงขับเคลื่อนจากชิป Kirin 960 เหมือน Mate 9 รุ่นปกติ หมือน ?ล่าสุด งคงขับเคลื่อนจากชิปับประสบการณื ังรองรับการใช้งานร่วมกับแว่น ฮ /ที่มีหน่วยประมวลผลแบบ Octa-core (4×2.4 GHz Cortex-A73 & 4×1.8 GHz Cortex-A53) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali G71 แบบ 8 แกน รองรับ Vulkan API ซึ่งช่วยให้ประมวลผลกราฟิกหนักๆ จากเกม และวิดีโอความละเอียดสูงได้ดียิ่งขึ้น และนอกจากจะมีการอัพ RAM เพิ่มในรุ่น Pro แล้วนั้น ทางด้านหน่วยความจำภายในของ Huawei Mate 9 Pro ก็ได้เพิ่มความจุมาเป็น 128 GB แต่ได้ตัดการรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ออกไป หรือพูดง่ายๆ คือเพิ่มเมมไม่ได้นั่นเอง
Android 7.0 Nougat with EMUI 5.0
สำหรับฟีเจอร์การใช้งานเด่นๆ ซึ่งมีมาตั้งแต่ EMUI 4.1 ก็ยังคงมีมาให้ใช้งานกันใน Huawei Mate 9 Pro เครื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น Motion Control ที่นอกจากจะรับสายได้อัตโนมัติเพียงแค่หยิบตัวเครื่องมาแนบหู, คว่ำหน้าตัวเครื่องเพื่อปิดเสียง ฯลฯ แบบที่เราคุ้นเคยกันดี มันยังมาพร้อมการสั่งงานผ่านข้อนิ้วมือ (Knuckle Gestures) เพียงแค่เคาะ หรือลากข้อนิ้วบนหน้าจอ เพื่อจับภาพหน้าจอแบบรวดเร็ว โดยไม่ต้องลำบากกดปุ่มชอร์ทคัท เพียงแค่เคาะข้อนิ้วลงไปบนหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อจับภาพหน้าจอ หากต้องการจับภาพหน้าเว็บยาวๆ ก็ทำได้โดยใช้ข้อนิ้วลากหน้าจอเป็นรูปตัว S หรือถ้าต้องการจับภาพหน้าจอในรูปแบบวิดีโอก็ทำได้โดยใช้ข้อนิ้วมือ 2 นิ้ว เคาะลงไปบนหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเริ่ม – หยุด การบันทึกวิดีโอ และในส่วนของการใช้งาน Dual Windows หรือ เปิดแอพฯ ใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าต่าง ก็ทำได้ด้วยการใช้ข้อนิ้วลากแบ่งครึ่งหน้าจอง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
2nd Generation Leica Dual Camera
Huawei Mate 9 Pro ยังคงมาพร้อมกล้องคู่เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ร่วมพัฒนากับ Leica แบบเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในซีรี่ส์ Mate 9 โดยกล้องคู่นั้นจะแบ่งการทำงานเป็นกล้อง Monochrome (จับภาพขาว-ดำ) ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และ กล้อง RGB (จับภาพสี) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงกว้าง f/2.2 มีการเพิ่มระบบกันสั่น OIS และ ระบบโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Auto Focus (Laser Focus, Phase Detection Focus, Depth Focus และ Contrast Focus) ช่วยให้จับโฟกัสได้แม่นยำ และถ่ายภาพได้ฉับไวยิ่งขึ้น นอกจากนี้กล้องทั้ง 2 ตัวยังมีเทคโนโลยี Pixel-Binning เพิ่มความสว่างให้กับภาพถ่าย ถือเป็นส่วนที่ทำงานเสริมกับระบบกันสั่น ช่วยลดการสั่นไหวขณะถ่ายภาพในที่แสงน้อย ซึ่งสิ่งที่พัฒนาเข้ามาในกล้องของ Huawei Mate 9 ทำให้การถ่ายภาพนั้นสะดวกขึ้น และได้คุณภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยยังคงเอกลักษณ์ของภาพในสไตล์ Leica ทั้งในส่วนของภาพขาวดำ และ ภาพสี
นอกจากนี้กล้องของ Huawei Mate 9 Pro ยังมาพร้อมระบบ Hybrid Zoom ซึ่งให้สามารถซูมเพื่อถ่ายภาพในระยะไกลได้ 2 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียดของภาพ (ให้คุณภาพคล้ายคลึงกับการใช้ Optical Zoom) ขาดไม่ได้กับโหมด Bokeh หรือ Wide Aperture สำหรับการถ่ายภาพละลายฉากหลัง หน้าชัด – หลังเบลอ ที่สามารถจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/0.95 – 16 ซึ่งเราสามารถทำการ Re-Focus หรือเลือกจุดโฟกัสภายหลังการถ่ายภาพได้อย่างอิสระ และสังเกตได้ว่าซอฟแวร์ของ Mate 9 ได้ปรับปรุงให้สามารถละลายฉากหลังได้เนียน ตัวแบบไม่ลอย ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วนโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ก็ยังคงมีมาให้ใช้งานกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นโหมด Pro ที่รองรับการปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างอิสระใกล้เคียงกับกล้องโปรจริงๆ, โหมด Light Painting ช่วยให้การถ่ายเส้นแสงไฟรถ หรือถ่ายน้ำตกทำได้ง่ายขึ้น และที่มีเพิ่มเข้ามาคือโหมดถ่ายภาพอาหาร ซึ่งเราต้องกดเข้าไปติดตั้งภายหลัง
ในเรื่องของการถ่ายวิดีโอ Huawei Mate 9 Pro นั้นรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K และมีระบบกันสั่นเข้ามาช่วยให้การถ่ายวิดีโอซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนเมื่อสมัย P9 และ P9 Plus มีคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนกล้องเซลฟี่ด้านหน้ายังคงเป็นกล้องระบบออโต้โฟกัสความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดบิวตี้
สรุป
เดิมทีแค่เพียง Huawei Mate 9 รุ่นปกติ ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่สามารถตอบสนองการใช้งานระดับสูง และตอบโจทย์ผู้รักการถ่ายภาพได้อย่างเพียงพอแล้ว แต่สำหรับใครที่มีเรื่องราวของงานดีไซน์เข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง เชื่อว่า Huawei Mate 9 Pro น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ กับขนาดตัวเครื่องที่กะทัดรัดขึ้น และเส้นสายของตัวเครื่องที่เพิ่มความโค้งมน พลิ้วไหว พร้อมประสิทธิภาพที่อัพเกรดขึ้นมาอีกขั้น กับ RAM และ ROM ที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานระดับ Pro สมชื่อ
จุดเด่น
- ตัวเครื่อง Full Metal Uni-body ขนาดกะทัดรัดขึ้น พร้อมดีไซน์โค้งมน
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว, ความละเอียด 2K, กระจกจอโค้งทั้ง 2 ด้าน
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ท Kirin 960 Octa-core, RAM 6 GB, ROM 128 GB
- รัน Android 7.0 (Nougat) ครอบทับด้วย EMUI 5.0 ใหม่ล่าสุด
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่สแกนได้รวดเร็ว และแม่นยำ (ย้ายมาอยู่ที่ด้านหน้า)
- ลำโพงระบบเสียงสเตอริโอ
- มี IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมทสั่งงานอุปกรณ์ภายในบ้าน
- กล้องถ่ายภาพเลนส์คู่เจเนอเรชั่นที่ 2 (Monochrome 20 MP + RGB 12 MP) พัฒนาร่วมกับ Leica
- เพิ่มระบบกันสั่น OIS, ระบบโฟกัส 4-in-1, ระบบ Hybrid Zoom, โหมด Bokeh, ถ่ายวิดีโอ 4K UHD
- กล้องหน้าระบบออโต้โฟกัส ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/1.9)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh พร้อมระบบ Super Charge
ข้อมูลทั่วไป
ขนาด, น้ำหนัก | 152 x 75 x 7.5 มิลลิเมตร, 169 กรัม |
SIM Card | Dual nanoSIM |
แบตเตอรี่ | Li-Po 4000 mAh |
เครือข่าย | |
เครือข่าย 2G | 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz |
เครือข่าย 3G | 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz |
เครือข่าย 4G | 800 / 850 / 900 / 1800 / 1900 / 2100 / 2300 / 2600 MHz |
หน่วยความจำ | |
หน่วยความจำภายใน | ROM 128 GB, RAM 6 GB |
หน่่วยความจำภายนอก | ไม่รองรับ |
จอแสดงผล | |
ขนาด | 5.5 นิ้ว |
ความละเอียดและความหนาแน่น (PPI) | 2K 1440 x 2560 พิกเซล (534ppi) |
ชนิดและจำนวนสี | AMOLED 16 ล้านสี, จอทัชสกรีนแบบ Capacitive |
ระบบ | |
หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) | Hisilicon Kirin 960 Octa-core 2.4 GHz CPU |
หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) | Mali-G71 MP8 |
ระบบปฏิบัติการและอินเทอร์เฟซ | Android 7.0 (Nougat) |
การเชื่อมต่อ | |
WiFi | 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, DLNA, Wi-Fi Direct, Hotspot |
Bluetooth | มี (เวอร์ชั่น 4.2, A2DP, EDR, LE) |
NFC | มี |
USB | Type-C (USB OTG) |
ระบบระบุตำแหน่ง (GPS) | มี พร้อม A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO |
มัลติมีเดีย | |
กล้องภาพนิ่ง | |
ความละเอียด | กล้องหลักแบบคู่ 20 MP +12 MP, f/2.2, OIS, 2x zoom, phase detection & laser autofocus, dual-LED (dual tone) flash, กล้องหน้า 8 MP, AF |
คุณสมบัติ | Pro Mode, Monochrome, HDR, Panorama, Light Painting, Beauty, Wide Aperture (Re-Focus), RAW File,Geo-tagging |
กล้องวิดีโอ | |
ความละเอียด | 4K@30fps, 1080p@60fps, 1080p@30fps |
คุณสมบัติ | Slowmotion (FullHD 120fps), Wide Aperture, Beauty Video |
อื่นๆ | เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, พอร์ตอินฟราเรด |