เทคโนโลยีหน่วยความจำนั้น ผู้คนอาจมองว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเท่าไหร่นัก เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่แสดงผลให้เห็นทันทีทันใด เพราะผู้ผลิตสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเกมส์ คุณภาพของกราฟฟิคระดับสูง แต่การจะทำให้อุปกรณ์ ๆ นึงรองรับสิ่งที่กล่าวมานั้นก็ต้องใช้เทคโนโลยีหน่วยความรุ่นล่าสุด เพื่อให้รองรับความลื่นไหลหรือสามารถแสดงผลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เตรียมออกสู่ท้องตลาดเร็ว ๆ นี้อย่าง RAM LPDDR5, ROM UFS 3.0 และ SD Express ที่วันนี้ทาง Whatphone ก็ได้นำข้อมูลของทั้ง 3 ตัวนี้มาเหลาให้ฟังกันครับ จะเป็นยังนั้นไปดูกันเลย!
RAM แบบ LPDDR5
แรมเป็นสิ่งนึงที่สำคัญมาก ๆ ต่อคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนก็ตาม โดยทั้ง CPU, GPU รวมถึง AI ก็อยู่ในชิปเซ็ตตัวเดียวกันและยังใช้หน่วยความจำตัวเดียวกันอีกด้วย แต่มันก็จะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่นั้นก็ต้องดูการใช้งานอย่าง การถ่าย Video 4K การอ่านและเขียนข้อมูลพื้นฐาน ประกอบไปด้วยเช่นกัน
เทคโนโลยี RAM แบบ LPDDR5 ยังไม่ได้ข้อสรุปสเปคที่สำคัญมากนัก เพราะยังอยู่ในช่วงการเตรียมการที่จะผลิตออกมาวางจำหน่ายสู่ท้องตลาด ปัจจุบันทางสื่อต่าง ๆ ก็คาดว่า เทคโนโลยีล่าสุดนี้จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ที่ความเร็วอย่างน้อย 6,400 Mpbs ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 เท่าจากความเร็ว 3,200 Mbps ของแรมแบบ LPDDR4 แต่ในปีก่อน แรมแบบ LPDDR4X ที่อยู่บนสมาร์ทโฟนจะทำความเร็วได้ถึง 4,266 Mbps เลยทีเดียว
เทคโนโลยีแรมล่าสุดนี้มีการค้นพบว่ามันจะมีการปรับแต่งสัญญาณนาฬิกาที่มีความคล้ายกับเทคโนโลยี RAM แบบ GDDR5 ที่พบเห็นได้บนการ์ดจอที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกในสมัยนี้ โดยเป็นการเพิ่มความถี่ของสัญญาณนาฬิกา (ความเร็ว) ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้สามารถกู้ข้อมูลจากการทำงานที่ผิดพลาดหรือมีการสูญเสียหน่วยความจำบางอย่างไป แถมยังช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นเพราะมี Deep Sleep Mode ช่วยให้ลดกระแสไฟฟ้าในการใช้งานไปถึง 40% และมี Data Copy Low Power ที่ทำให้ไม่มีการเขียน/อ่าน ข้อมูลจำนวนซ้ำไปซ้ำมา (ใช้พลังงานน้อย) อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเราคงจะได้เห็นเทคโนโลยี RAM LPDDR5 บนสมาร์ทโฟน เร็วสุดในช่วงปี 2019 ที่จะถึงนี้ เพราะในปลายปี 2018 นี้ทางซัมซุงก็เร่งผลิตเทคโนโลยีนี้อยู่เหมือนกัน
หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0
แน่นอนว่าหน่วยความจำภายในก็เป็นอีกสิ่งนึงที่สำคัญสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน เพราะก็ต้องมีการอ่านหรือเขียนข้อมูลกันทั้งนั้น มันเลยเป็นจุดที่ทำให้มีการพัฒนาหน่วยความจำแบบ UFS 3.0 รุ่นล่าสุดเพื่อมาตอบสนองความเร็วและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
การปรับปรุงเรื่องแรกคือการมีความเร็วในการทำงานที่มากกว่า UFS 2.0 ถึง 2 เท่า โดยสามารถรับข้อมูลได้ถึง 11.6 Gbps จากความเร็วรุ่นก่อนที่เป็น 5.8 Gbps แถมยังมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 23.2 Gbps เลยทีเดียว แต่การที่อุปกรณ์จะรองรับหน่วยความจำดังกล่าวนั้นต้องรองรับ HS-G4 (11.6 Gbps) และ HS-G3 (5.8 Gbps) ด้วยเช่นกัน
นอกจากสเปคดังกล่าวแล้ว มาตรฐานการใช้พลังงานของหน่วยความจำชนิดนี้ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน คือจะต้องมีการกินไฟที่น้อยลง ทำให้มีการประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น แถมยังให้ประสิทธิภาพที่มากขึ้นด้วย แต่ก็ต้องอยู่ในหน่วยความจำภายในที่มากขึ้นด้วย เช่นความจุ 128 GB ขึ้นไป เป็นต้น
และก็เช่นเดียวกับ RAM LPDDR5 ที่ทางซัมซุงก็ยังคงเร่งผลิตอยู่เช่นเคย โดยเทคโนโลยีนี้นั้นอาจจะถูกเอาไปใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นท้อปที่เตรียมจะออกภายในครึ่งปี 2019 ก็เป็นได้ครับ
เม็มโมรี่การ์ดแบบ SD Express
สำหรับหัวข้อสุดท้ายนี้ก็มาถึงเรื่องของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาเพื่อการย้ายไฟล์ไปในุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็มีมาตราฐานใหม่อย่าง SD Express ที่จะมาแทน MicroSd Card ในอนาคต โดยมันจะเป็น SD Card ที่มีความเร็วระดับ SSD พกพาเลยทีเดียว เพราะเป็นการรวมกันของเทคโนโลยี PCI Express และ NVMe ที่เป็นมาตรฐานทั่วไปที่พบเห็นได้บนคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ้ค
เจ้าตัว PCI-E 3.0 กับ SD Express นี่อาจทำความเร็วไปถึง 985 Mb/s ซึ่งเร็วกว่าการ์ดแบบ UHS-II ถึง 3 เท่า (312 Mb/s) ก็หมายความว่าเจ้าตัวนี้มีสิทธิ์เทียบเท่าความเร็วของ SSD ได้เลย นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นแล้วมาตราฐานความจุของ MicroSD Card อาจเพิ่มจากปกติที่ 2 TB (SDXC) ไปจนถึง 128 TB บน SD Ultra-Capacity (SDUC) เลยทีเดียว
และ SD Express นั้นจะสามารถใช้งานร่วมกับ MicroSD Card พร้อมพอร์ตปกติได้เช่นกัน แต่ถ้าตัวการ์ดนั้นไม่ได้รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง UHS-III ก็จะทำความเร็วจำกัดอยู่ที่ UHS-I (104 Mb/s) เท่านั้น
ก็จบกันไปแล้วสำหรับ บทความทำความรู้จักกับหน่วยความจำยุคใหม่แห่งอนาคต และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือ www.whatphone.net ได้เลยครับ
ที่มา : Androidauthority