เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันไปแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนในตระกูล ซัมซุง กาแล็คซี่ โดยเฉพาะรุ่นระดับกลาง ที่มักจะปล่อยรุ่นน้องใหม่ออกมาเพื่อสร้างจุดเด่นที่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนๆ วันนี้ ทาง Whatphone ก็จะนำสองรุ่นพี่น้องระหว่าง Samsung Galaxy A8 Star และ Samsung Galaxy A8+ มาเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด ว่ารุ่นไหนจะเด่นกว่ากัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปชมกันเลยครับ
Samsung Galaxy A8 Star
- หน้าจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2220) อัตราส่วนจอ 18:9
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snadragon 660
- หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB และ RAM 4 GB เพิ่มไมโครเอสดีการ์ดสูงสุด 512 GB
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล PDAF (F1.7) + 24 ล้านพิกเซล (F1.7) ให้ภาพคมชัด ในทุกสถานการณ์ ด้วยเลนส์คู่อัจฉริยะ Tetra-cell จัดการแสง ให้ภาพสว่างทุกรายละเอียดในที่แสงน้อย และ ภาพคมชัดทุกเม็ดสีในที่แสงน้อย
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F2.0
- สามารถถ่ายวีดีโอแบบ HyperLapse , 4K และ Slow motion ได้
- แบตเตอรี่ 3,700 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 OREO
- ปลดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ
- รองรับ Bixby ทั้ง Voice, Vision, Reminder และ Home
- เชื่อมต่อ NFC และจ่ายเงินผ่าน Samsung Pay ได้
- รองรับ 2 ซิมการ์ดในเครื่องเดียว
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ และ สีขาว
Samsung Galaxy A8+
- หน้าจอ Infinity Display Super AMOLED 6.0 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2220 พิกเซล สัดส่วน 18.5:9
- CPU Exynos 7885 Octa core (2×2.2GHz + 6×1.6GHz)
- ROM 64GB, RAM 6GB
- เพิ่มไมโครเอสดีการ์ดความจุสูงสุด 256GB
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.1.1 (Nougat)
- กล้องถ่ายภาพ 16 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED / รูรับแสง F/1.7
- กล้องหน้าแบบคู่ 16 และ 8 ล้านพิกเซล / รูรับแสง F/1.9 / รองรับ Live Focus ปรับหน้าชัด หลังละลายได้
- ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด Full HD (1920 x 1080)
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C / Bluetooth 5.0
- ใช้งาน 2 ซิมการ์ดได้ (นาโนซิม)
- รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
- สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอได้
- แบตเตอรี่ลิเธียม-ไลออนความจุ 3,500 มิลลิแอมป์ / รองรับ Fast Charging
- รองรับการใช้จ่ายผ่าน Samsung Pay
- ตัวเครื่องกันน้ำลึก 1.5 เมตรนาน 30 นาที มาตรฐาน IP68
ดีไซน์และวัสดุ
เริ่มจากตัวเครื่องด้านหลังกันก่อน สำหรับ A8 Star ใช้ฝาหลังเป็นกระจกที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ดูดี มีความเป็นพรีเมี่ยม แต่ก็จะเห็นรอยนิ้วมือได้ง่ายกว่าเช่นกันถ้าไม่ใส่เคส ส่วน A8+ ฝาหลังทำจากวัสดุกระจกผสานกับกรอบโลหะมันวาวสะท้อนแสง ที่อาจจะเป็นรอยได้ง่าย แต่มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่เหนือกว่าคือ สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ถึงระดับ IP68 (ที่ความลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที) หากใครที่ต้องลุยน้ำลุยฝนอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน A8+ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าใครอยากได้ดีไซน์ที่หรูหราไม่ซ้ำใคร จับ A8 Star แล้วจะไม่เสียใจแน่นอนครับ
หน้าจอ
ดูด้านหลังไปแล้ว มาดูด้านหน้ากันบ้าง ทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอ Super AMOLED เหมือนกัน ความละเอียดเท่ากัน (1080 x 2220 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอเท่ากัน (18.5:9), รองรับ Always On ทั้งคู่ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ A8+ หน้าจอขนาด 6 นิ้วเล็กกระทัดรัดพกพาสะดวก จึงเหมาะกับสาวๆ ที่ชอบถือเครื่องไปมาอยู่บ่อยๆ ส่วน A8 Star หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว จะดูหนัง, เล่นเกม หรือแชทไลน์ได้อย่างเต็มตาเต็มอรรถรส จึงเหมาะสำหรับสายมันส์สายบันเทิงเป็นหลัก
หน่วยประมวลผล
หน่วยประมวลผลเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้มักจะนำมาเปรียบเทียบ สำหรับ A8+ ใช้ซีพียูที่ซัมซุงผลิตเองอย่าง Exynos 7885 Octa และจีพียู Mali-G71 ส่วน A8 Star นั้นใช้ซีพียูตัวแรงจาก Qualcomm Snapdragon 660 และจีพียู Adreno 512 แต่เนื่องจาก A8 Star เปิดตัวทีหลังและใช้ชิพเซ็ตรุ่นล่าสุด จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ A8 Star มีหน่วยประมวลผลที่แรงกว่านั่นเองครับ
กล้องดิจิตอล
ทั้งสองรุ่นชูจุดเด่นหลักที่กล้องคู่ จะคู่หน้าหรือหลังนั้นขึ้นอยู่กับรุ่น สำหรับ A8+ มาพร้อมกับกล้องหลังขนาด 16 ล้านพิกเซล (F/1.7) และกล้องหน้าคู่ขนาด 16+8 ล้านพิกเซล (F/1.9) พร้อม Live Focus ที่กล้องหน้า ส่วน A8 Star ก็ใช่ย่อย แม้กล้องหน้าจะมีแค่ตัวเดียว แต่มาพร้อมขนาดพิกเซลที่สูงถึง 24 ล้านพิกเซล (F2.0) ส่วนกล้องหลังคู่ขนาด 16+24 ล้านพิกเซล (F/1.7) ก็เด่นไม่แพ้กัน รองรับ Live Focus ที่กล้องหลังอีกด้วย จึงทำให้ A8 Star เหมาะกับผู้ที่ชอบถ่ายวิวทิวทัศน์แบบโบเก้เป็นหลัก ส่วน A8+ จึงเหมาะกับสาวๆ ที่ชอบเซลฟี่มุมกว้าง พร้อมฟังก์ชั่นหน้าชัดหลังเบลอ โดยเฉพาะการเซลฟี่ในที่แสงน้อยด้วยนั่นเองครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก A8+
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก A8 Star
หน่วยความจำ
A8+ มาพร้อมกับ ROM 64 GB, RAM 6 GB รองรับ microSD สูงสุด 256 GB ส่วน A8 Star มาพร้อมกับ ROM 64 GB, RAM 4 GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 512 GB แต่เป็น Hybrid Slot ซึ่งต้องเลือกระหว่างซิม 2 กับ microSD สำหรับใครที่ชอบใช้แอพหลายๆ ตัวพร้อมกัน เลือก A8+ แต่ถ้าอยากจะใส่ microSD เยอะๆ ก็ต้อง A8 Star
การเชื่อมต่อ
ทั้งสองรุ่นรองรับ WiFi, บลูทูธ, GPS เหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่ A8+ มาพร้อมกับถาดซิมที่ใส่ได้ 2 ซิม และรองรับการสแตนด์บายพร้อมกัน 2 ซิมด้วย ส่วน A8 Star นั่นเป็นถาดซิมแบบไฮบริด ใส่ได้ 2 ซิม แต่ต้องเลือกใส่ระหว่างซิม 2 กับ microSD นอกจากนี้ยังมีเฉพาะ A8+ เท่านั้นที่รองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตด้วย Samsung PAY
ระบบเสียง
ทั้งสองรุ่นรองรับอีควอไลเซอร์, ตัวปรับคุณภาพเสียงแบบ UHQ เหมือนกัน แต่มีเฉพาะ A8 Star เท่านั้นที่รองรับ Dolby Atmos (ต้องใส่หูฟังจึงจะทำงาน) จึงเหมาะสำหรับคอหนังหรือคอเพลงที่ชอบระบบเสียงรอบทิศทางตามแบบฉบับของดอลบี้ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเพลิดเพลิงเหมือนว่าอยู่ในโรงหนังที่มีระบบเสียงมาตรฐานระดับดอลบี้กันเลยทีเดียว
โหมด Bixby
ทั้งสองรุ่นมีโหมดผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Bixby มาให้แล้วในเครื่อง แต่ A8 Star มีปุ่ม Bixby แยกมาให้ต่างหาก ซึ่งอยู่ใต้ปุ่มปรับระดับเสียง ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดโหมด Bixby เมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้ Bixby ก็ปิดการทำงานของปุ่มนี้ได้ตามต้องการ
แบตเตอรี่
A8+ ใช้แบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh ส่วน A8 Star ใช้แบตเตอรี่ขนาด 3,700 mAh จากการใช้งานจริงใน 1 วัน ทั้งถ่ายรูป, เล่นเกม, ท่องอินเทอร์เน็ต พบว่า A8+ อยู่ได้นานกว่า A8 Star (16 ชม. กับ 14 ชม. ตามลำดับ) เนื่องจากใช้ชิพเซ็ตที่ความเร็วต่ำกว่า บวกกับหน้าจอที่เล็กกว่า จึงใช้พลังงานน้อยกว่ารุ่น A8 Star ที่แบตเยอะกว่านั่นเองครับ
ราคาขายและวันวางจำหน่าย
ราคาของ A8+ ในปัจจุบัน วางจำหน่ายที่ราคา 16,490 บาท ส่วนราคาของ A8 Star อยู่ที่ 17,990 บาท (อ้างอิงจากเว็บไซต์ของซัมซุงประเทศไทย) ทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายแล้วใน Samsung Shop ใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ แต่เนื่องจาก A8+ เปิดตัวและวางจำหน่ายมาหลายเดือนแล้ว เมื่อเทียบกับ A8 Star ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ราคาจะถูกกว่า A8 Star นั่นเอง
ข้อดีของ Galaxy A8 Star
- ฝาหลังที่ทำจากกระจก ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม หรูหราเมื่อสัมผัส
- หน้าจอที่ใหญ่กว่า ด้วยขนาด 6.3 นิ้ว สัมผัสความบันเทิงได้เต็มจอ
- ชิพเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 ที่แรงกว่า จึงเหมาะกับการเล่นเกมที่เน้นกราฟิกสมจริง
- กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังคู่ขนาด 16+24 ล้านพิกเซล (F/1.7) เหมาะสำหรับถ่ายในที่แสงน้อย พร้อมฟังก์ชั่น Live Focus ที่กล้องหลัง
- เก็บรูปเก็บเพลงได้จุใจ เพราะรองรับ microSD สูงถึง 512 GB
- ดูหนังฟังเพลงได้เต็มอื่มเต็มอรรถรส เพราะมีระบบเสียงสุดเทพอย่าง Dolby Atmos
- มีปุ่ม Bixby แยกมาให้จึงกดใช้ได้ทันทีตามต้องการ และเปิดปิดฟังก์ชั่นนี้เมื่อไหร่ก็ได้
- แบตเตอรี่ความจุที่สูงกว่า ขนาด 3,700 mAh
ข้อดีของ Galaxy A8+
- ตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กกระทัดรัดกว่าด้วยหน้าจอ 6 นิ้ว, กันน้ำได้ในระดับ IP68 (ที่ความลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที) หายห่วงเวลาลุยน้ำลุยฝน
- ชิพเซ็ต Exynos 7885 Octa ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า จึงประหยัดแบตเตอรี่
- กล้องหน้าคู่ขนาด 16+8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด F/1.9 เซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดี พร้อมฟังก์ชั่น Live Focus ที่กล้องหน้า เซลฟี่และปรับโบเก้ได้ตามความต้องการ
- RAM 6 GB ที่สามารถเปิดแอพหลายๆ แอพพร้อมกันได้มากกว่าปกติ
- เพราะเป็นถาดซิมที่ไม่ใช่ Hybrid Slot จึงมีช่องใส่ microSD แยกมาให้ในตัว พร้อมๆ กับใส่ซิมได้สองช่องต่างหาก
- หายห่วงเมื่อลืมพกกระเป๋า เพราะรองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตด้วย Samsung Pay ที่ใช้งานง่าย จ่ายเงินได้ทันที
- ราคาขายในปัจจุบัน แค่ 16,490 บาท
ก็จบกันไปแล้วสำหรับการเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนรุ่นพี่น้องระหว่าง Galaxy A8+ และ Galaxy A8 Star ก็หวังว่าผู้อ่านทุกท่านที่สนใจจะนำข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ไปพิจารณากันได้ตามสะดวก หากมีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจและน่าเปรียบเทียบ ทาง Whatphone ก็ไม่พลาดที่จะนำข้อมูลมาเปรียบเทียบให้ทุกคนได้อ่านกันอย่างแน่นอนครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
พรีวิว Galaxy A8 และ A8+ (2018) สัมผัสความใหม่จากเอซีรี่ส์เวอร์ชั่นล่าสุด
รีวิว Galaxy A8+ 2018 โดดเด่นด้วยจอใหญ่ ใช้งานสนุกแบบครบครัน
พรีวิว Galaxy A8 Star จอใหญ่ กล้องคู่ พร้อม Bixby แบตเตอรี่อึด