หมวก Mixed Reality อย่าง Apple Vision Pro รองรับการทำงานทั้งในโหมด VR และ AR ทำให้ระบบปฏิบัติการเดิมๆ ที่เรารู้จักอย่าง macOS หรือ iOS ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ทาง Apple จึงต้องสร้าง visionOS เพื่อมารองรับการทำงานแบบใหม่แทน
visionOS นั้นจริงๆ แล้วถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2017 โดยออกแบบมาเพื่อการประมวลผลแบบ Spatial ที่ผู้ใช้งานสามารถวางตำแหน่งแอพต่างๆ ในสภาพแวดล้อม (เรียกว่า Spaces) ได้ โดยมีทั้งส่วนที่ดึงโค้ดมาจาก macOS และ iPadOS แต่มีการปรับแต่งให้ตอบสนองเร็วกว่าบนทั้งสองแพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ตามตัวระบบปฏิบัติการนั้นมีเลเยอร์ของ iOS Framework อยู่ ทำให้แอพทั้งหมดของ iPhone / iPad สามารถนำมารันบน visionOS ได้ทันที แต่ถ้าจะทำแอพสำหรับแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ ก็จะไปปรากฏอยู่ใน App Store ของตัวเองที่แยกมาอีกทีหนึ่ง
สำหรับฟีเจอร์นั้นเราพูดถึงไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำ Vision Pro display ที่แสดงผลได้เหมือนหน้าจอขนาด 100 ฟุต และสามารถดึงให้เข้ามาใกล้หรือออกห่างไปก็ได้, สร้าง Persona ที่เป็นเหมือน Avatar สมจริงของเราในห้องประชุม แต่ไม่มีหมวก Vision Pro อยู่บนใบหน้า และสามารถสร้างแสงเงาที่สมจริงเหมือนหน้าต่างแอพนั้นลอยอยู่ในอากาศ และมีแหล่งกำเนิดแสงฉายลงมา
การใช้งานนั้น Apple ระบุว่า visionOS ไม่จำเป็นต้องใช้คอนโทรลเลอร์แบบหมวก Mixed Reality เจ้าอื่นๆ แต่สามารถใช้มือผู้ใช้งานในการสั่งการได้เลย รวมไปถึงการพิมพ์ด้วยปุ่ม Virtual Keyboard หรือสั่งพิมพ์ด้วยเสียง แต่ถ้าหากต้องการก็สามารถใช้เมาส์และคีย์บอร์ดร่วมได้ หรือแม้จะใช้เครื่อง Mac แล้วมาแสดงผลหน้าจอใน visionOS ก็ได้เช่นกัน
หนึ่งในสิ่งที่ Apple ทำ แต่ยังไม่มีหมวก Mixed Reality รายไหนทำมาก่อนก็คือการใส่หน้าจอไว้ด้านหน้าหมวก ทำให้คนที่อยู่ในโลกความเป็นจริงเดินไปมาสามารถระบุได้ว่าผู้ที่สวม Vision Pro นั้นกำลังอยู่ใน VR ที่มองไม่เห็นโลกภายนอก หรือ AR ที่เห็นผู้คนข้างนอก โดยจะสร้าง Digital Persona จากหน้าตาของเราจริงๆ ขึ้นมา
สำหรับการยืนยันตัวตนนั้น Apple ใช้วิธีแสกนม่านตาของผู้ใช้งาน และระบุว่าข้อมูลถูกเข้ารหัสและประมวลผลภายในหมวก Vision Pro โดยไม่ส่งกลับไปยังเซิฟเวอร์ของ Apple
สำหรับช่วงแรกที่เปิดวางจำหน่าย แอพที่จะใช้งานได้ทันทีคือของ Apple เอง ไม่ว่าจะเป็น iMessage, FaceTime หรือ Apple Arcade ซึ่งตัว Arcade จะมีแอพให้เล่นราวๆ 100 แอพด้วยกันในช่วงแรก
ที่มา – Engadget